วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

O-Negative รักออกแบบไม่ได้

ฉันผูกใจ ไว้ที่ ความมีเพื่อน

ผูกเงื่อน งดงาม ผูกความหมาย

ผูกความ เป็นเพื่อน ในเงื่อนตาย

ผูกสาย รักเพื่อน ด้วยเงื่อนนี้

ต่างสายเลือด ผูกได้ ผูกสายร่วม

สายเลือดรวม ผูกใจ ไว้ทุกที่

เงื่อนรัก ผูกไว้ ผูกใยดี

โดยไม่มี เงื่อนไข อะไรเลย...




"รักออกแบบไม่ได้"เป็นเรื่องระหว่างเพื่อนกรุ๊ปเลือดเดียวกัน คือกรุ๊ป O ในกลุ่มก็จะมี ปริม(ทาทา) อาท(เรย์) ปืน(ชาคริต)ฝุ่น(หลิว) ชมพู่(อ้น) ซึ่งต่างคนก็ต่างนิสัย ฐานะและที่มา ที่เริ่มต้นออกแบบความสัมพันธ์ ด้วยความตั้งใจ และความรู้สึกที่ดีต่อกัน

"เพื่อน"คือสถานะแรกทุกคนตั้งใจและออกแบบด้วยกัน อาทยอมหยุดความอารมณ์ร้อนและทำตามรุ่นพี่ในมหาลัยสั่งทั้งที่ตนไม่ชอบเพราะคำๆนี้ หลิว ให้อภัย อาท ทั้งที่โดนอาทตบหน้าเพราะความใจร้อนทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของเธอ ก็เพราะคำๆนี้ ปืนและปริม จะเป็นคนที่คอยเข้าไปแก้ปัญหาเวลาที่คนในกลุ่มมีปัญหาก็เพราะ คำว่าเพื่อน ชมพู่ก็จะเป็นคนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้คนในกลุ่มอยู่เสมอ เพราะทุกคนคือ เพื่อน

ทุกคนพยายามควบคุมและออกแบบความรักในแบบที่ตนเห็นว่าควรจะเป็น นั้นคือ รักกันแบบ"เพื่อน


มีอยู่ซีนนึงประมาณว่าอาจารย์ได้พูดถึงความรักว่า มันออกแบบไม่ได้ ชมพู่ ก็เถียงว่า"ได้สิ เราออกแบบความรักได้" ปริมก็ถามว่า ถ้าออกแบบรักได้แล้วทำไม ยังมีการอกหักอยู่ล่ะ

อาจารย์เลยพูดว่า"พวกคุณลองไปรักกันดูเองก็แล้วกัน ได้ผลไง บอกผมด้วย"

จนวันหนึ่งที่ความรู้สึกนั้นเริ่มพัฒนาเป็นความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสิ้นสุด เมื่อทั้งปืนและอาท ต่างรู้สึกพิเศษกับปริม ขณะที่ฝุ่นเองก็เริ่มรักปืนเกินเพื่อน จึงต้องทำให้ปริมเก็บความรู้สึกที่มีกับปืนไว้ในใจ เพื่อนถนอมความเป็นเพื่อนให้ดีที่สุด

ปริมเสียแม่ที่รักไปจากอุบัติเหตุ เธอเหลือตัวคนเดียว ฝุ่นจึงชวนปริมไปอาศัยอยู่กับฝุ่นที่บ้านของฝุ่น อาทตัดใจไปต่างประเทศเพราะรู้ว่าปืนชอบปริมจริงๆจึงหลีกทางให้ แต่อาทก็คอยส่งข่าวมาเป็นระยะ ระยะ เวลาล่วงเลยไป ฝุ่นรักปืนจนพลาดมีความสัมพันธ์กับปืน ถึงขั้นท้อง(ปืนไม่รู้และพยายามตีตัวออกห่าง) วันเกิดฝุ่นก่อนที่จะไปเจอฝุ่นปืนหาจังหวะสารภาพรักปริม บังเอิญฝุ่นมาเจอพอดีทำให้ฝุ่นเข้าใจผิดปริมแล้วตัดพ้อประมาณว่าเราคงไม่ใช่เพื่อนที่ดีต่อกันวันเกิดเพื่อนยังลืมได้ ปริมตอบกลับฝุ่นว่า"ทำไมเราจะจำไม่ได้ล่ะ ก็วันเกิดของเธอเป็นวันตายของแม่เรา"

เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสิ้นสุดลง ปริมตัดสินใจไปต่างประเทศ โดยปฏิเสธความรักจากปืนเพื่อฝุ่น ฝุ่นช้ำใจตัดสินใจไปทำแท้งโดยพูดกับชมพู่ว่า"...ทำให้เพื่อน ให้ปริม ไม่ได้ให้ปืน..." แต่ฝุ่นตกเลือดเสียเลือดมาก ต้องประกาศหาคนมาบริจาค..เพราะกรุ๊ป โอเนกทีฟ เป็นกรุ๊ปที่หายาก มาก ในที่สุดก็มีคนมาให้เลือดกับฝุ่นทันเวลาพอดี ซึ่งบุคคลนั้นเป็นบุคคลปริศนา...


รัก. . .ออกแบบไม่ได้จริงหรือ

ถ้าเรามีสติ มีความรอบคอบ ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนต้องเสียใจ ผิดหวัง
แต่ว่าความรัก. . .ส่วนมากมักจะเป็นการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลอยู่แล้ว จึงมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับความรัก ยังจำละครเรื่อง รักแปดพันเก้า ได้มั้ย เหตุการณ์ในละครก็มีความรักที่มากมายหลายรูปแบบ ซึ่งตัวละครแต่ละตัว อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจที่จะให้รูปแบบความรักของเขาเป็นไปในทิศทางไหน ส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ในชีวิตจริงมันยังสิ่งแวดล้อม ปัจจัยภายนอกต่างๆอีกมากมาย ที่จะทำให้ความรักไม่เป็นไปตามที่ใจของเราต้องการ

แล้วการออกแบบระบบใดระบบหนึ่งละ มันจะยากเหมือนกับการออกแบบความรักมั้ยเนี่ย. . .

abearo_MIE

วัฏจักรของน้ำ



วัฏจักรของน้ำ หมายถึง

การหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของน้ำซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเริ่มต้นจากน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ เช่น

มหาสมุทร

แม่น้ำ

ลำคลองหนอง

บึง

ทะเลสาบ

จากการคายน้ำของพืช จากการขับถ่ายของเสียของสิ่งมีชีวิต และจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ระเหยขึ้นไปในบรรยากาศ กระทบความเย็นควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ เป็นก้อนเมฆ ตกลงมาเป็นฝนหรือลูกเห็บสู่พื้นดินไหลลงสู่แหล่งน้ำต่าง ๆ หมุนเวียนอยู่เช่นนี้เรื่อยไป






ตัวการที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำ

1. ความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดการระเหยของน้ำจากแหล่งน้ำต่าง ๆ กลายเป็นไอน้ำขึ้นสู่บรรยากาศ

2. กระแสลม ช่วยทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอได้เร็วขึ้น

3. มนุษย์และสัตว์ ขับถ่ายของเสียออกมาในรูปของเหงื่อ ปัสสาวะ และลมหายใจออกกลายเป็นไอน้ำสู่บรรยากาศ
4. พืช รากต้นไม้เปรียบเหมือนฟองน้ำ มีความสามารถในการดูดน้ำจากดินจำนวนมากขึ้นไปเก็บไว้ในส่วต่าง ๆ ทั้งยอด กิ่ง ใบ ดอก ผล และลำต้น แล้วคายน้ำสู่บรรยากาศ ไอเหล่านี้จะควบแต่นและรวมกันเป็นเมฆและตกลงมาเป็นฝนต่อไป



ปริมาณน้ำที่ระเหย

ปริมาณน้ำที่ตกลงมา

จากมหาสมุทร 84%

ในมหาสมุทร 77%

จากพิ้นดิน 16%

บนพื้นดิน 23%

รวม 100%
คุณชายจิรยุทธ ( หยก )

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไม่ผิดคำสัญญา ฟ้าก็ผ่าได้..!!

สวัสดีค่ะอาจารย์จงและเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ

สำหรับวันนี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจมาให้ติดตามกันอีกแล้วค่ะ

ช่วงนี้ก็เข้าหน้าฝนแล้ว อยากให้อาจารย์และเพื่อนๆรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

แล้วที่สำคัญก็คืออยากจะมาเอาใจพวกที่รักการสาบานเป็นที่ซู้ด!!!!!!!

จะได้หาทางหนีทีไล่กันได้ทัน 555+

ไม่ผิดคำสัญญา ฟ้าก็ผ่าได้..!! ฮ้าจริงรึป่ะเนี่ย ไปติดตามกันดีกว่าค่ะ



ฟ้าผ่า...ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อันตรายไม่ต้องสาบานก็มีสิทธิ์เสี่ยงตายไหม้เกรียมได้

ในแต่ละปีมีเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลกเสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่ามากกว่า 1,000 ราย เมืองไทยมีเด็กอายุน้อยกว่า 17 ปี เสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่าเฉลี่ยปีละ 20 คน นับเป็น ความสูญเสียที่น่าเศร้า เพราะเราสามารถป้องกันตัวเองจากภัยธรรมชาตินี้ได้หากมีความ รู้และไม่ประมาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย แนะวิธี ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าในฤดูฝน ดังนี้
อยู่กลางแจ้ง สังเกตสายฟ้า หากเอียงเกิน 45 องศา แสดงว่าพายุกำลังเคลื่อนตัวหนี จากตำแหน่งที่เราอยู่ แต่ถ้ามีลักษณะตรงๆ หรือเอียงไม่เกิน 45 องศา แสดงว่าพายุ กำลังเคลื่อนตัวมาหาเรา หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ซึ่งถ้าอยู่กลางแจ้งไม่สามารถหาที่ หลบได้ ให้นั่งทำตัวให้อยู่ต่ำมากที่สุดคือ นั่งยองๆ ขาชิดกันที่พื้น แต่ห้ามนอนเด็ดขาด เพราะฟ้าผ่าจะเกิดจากความพยายามลดความต่างศักย์ระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน หลัง จากก้อนเมฆได้สะสมประจุไว้ในลักษณะไฟฟ้าสถิต จะลดระดับเข้าใกล้พื้นดินทำให้ เกิดความต่างศักย์ขึ้น การนอนจะยิ่งเพิ่มความต่างศักย์ทำให้เกิดอันตรายมากกว่านั่ง
ห้ามหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ป้ายโฆษณา วัสดุคอนกรีต และเสาไฟฟ้าแรงสูงที่มี ส่วนประกอบหลักเป็นโลหะเพราะฟ้ามักผ่าลงที่สูงและบริเวณที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องประดับเงิน ทองคำ ทองแดง นาค สร้อยโลหะ กำไล และร่มที่มีส่วนยอดเป็น โลหะ ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องมือการเกษตร โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่หลบในตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วน ประกอบของโลหะ สายอากาศ และแบตเตอรี่ที่เป็นตัวล่อไฟฟ้า ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดจะ ใช้หรือไม่ใช้เครื่อง หากอยู่ในมือจะมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
อยู่ในอาคาร ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้าจะปลอดภัยกว่า ไม่ควรอยู่ใกล้ประตู หน้าต่างที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะขณะฟ้าร้องฟ้าผ่า เลี่ยงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าทุก ชนิด โดยเฉพาะโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น หรือแม้แต่โทรศัพท์ เพราะเมื่อฟ้าผ่าลงบ้านอาจจะเกิดการกระจายของไฟฟ้าไหลไปตามเครื่องใช้และสื่อนำ ไฟฟ้าต่างๆ ยิ่งบ้านไหนไม่มีสายล่อฟ้าหรือสายดินยิ่งต้องระวัง
อยู่ในรถ ปลอดภัยกว่ากลางแจ้งขณะเกิดฟ้าผ่า เพราะรถยนต์มีโลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้า แต่ไม่ดีนัก ควรปิดกระจกให้มิดชิดกันการผ่านของกระแสไฟฟ้าที่ผ่าลงมาเข้าสู้รถ หากดวงซวยเกิดฟ้าผ่าลงรถตรงๆ ก็ควรตั้งสติให้มั่น อย่าออกจากรถ เพราะกระแส ไฟฟ้าที่ไหลตามผิวโลหะของตัวถังรถจะไหลลงสู่พื้นดิน หากวิ่งออกมานอกรถยิ่งมีความ เสี่ยงสูงที่จะถูกฟ้าผ่า การหลบฟ้าผ่าในรถจึงเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะโครงสร้าง รถยนต์เป็นโลหะนำไฟฟ้าที่ไม่ดีนัก และมียางรถยนต์ช่วยยกระดับให้พ้นจากพื้นน้ำ จึง ช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้

รู้แล้วอย่าลืมบอกต่อไปถึงคนที่คุณรักนะคะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://variety.mcot.net/V3637

Minemint(มินต์)

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับการใช้ Google Translate (แปลภาษา) ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

หลายคนคงทราบแล้วนะคะว่า Google เว็บ Search Engine ยอดนิยมของเราสามารถแปลภาษาให้เด้



แต่เมื่อเราลองใช้บริการแล้ว จะ ทราบว่า นี่แปลให้แล้วหรือเนี่ยแบบแปลแบบนี้ไม่ต้องแปลดีกว่าไหมค๊า






วันนี้เราได้ไปเจอบทความที่เขาแนะนำการใช้ Google Translate (แปลภาษา) ให้มีประสิทธิภาพมาให้ได้ลองอ่านกันนะคะ







ในปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับเรานั้นมีมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การแปลภาษา เมื่อก่อนนั้น หากเราต้องการใช้งานเกี่ยวกับโปรแกรมการแปลภาษา จากภาษาไทย < - > ภาษาอังกฤษนั้นหาได้ยากเหลือเกิน เนื่องจากไม่ค่อยมี Software ที่จะพัฒนามาเพื่อคนไทยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ทของคนไทยไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลหรือข่าวสารนั้นมีขีดจำกัด?



ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเมื่อ Google ได้ทำการเปิดตัว Google Translate ในภาคของการแปล ภาษาไทย-อังกฤษ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ แปลภาษาจากไทยเป็นอังกฤษ หรืออังกฤษเป็นไทย ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งข้อดีของ Google Translate ภาค ไทย-อังกฤษ ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น

1. ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเดิมการที่จะหาโปรแกรมในการแปลภาษา ไทย-อังกฤษ (สำหรับการแปลเป็นประโยค) นั้น ส่วนมากจะเป็น Software ที่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งการมาของ Google Translate ทำให้การแปลภาษาเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงกลุ่มคนได้อีกมากมาย
2. สามารถแปลได้ทั้ง Website หรือ ประโยคข้อความใดๆ ก็ได้ หากต้องการแปลทั้ง Website ก็เพียงแค่พิมพ์ URL ของเว็ปไซต์ที่เราต้องการแปลเท่านั้นเอง ส่วนการแปลประโยคหรือข้อความก็สามารถใช้คำสั่ง Copy + Paste แค่นั้น

3. หากท่านเป็นเจ้าของ Website ท่านสามารถนำ Code ของ Google Translate ไปวางที่ website ของท่านเพื่อให้ Website ภาษาไทยของท่านสามารถแปลภาษาได้หลากหลายภาษา (เหมือนดังที่ www.manacomputers.com ใช้อยู่)
ส่วนจุดที่ยังต้องปรับปรุงก็คือ ความแม่นยำในการแปลภาษานั้นยังไม่สูงนัก เนื่องจากบางคำหรือประโยค มีคำเฉพาะ หรือคำที่มีความหมายแฝง คำศัพท์เฉพาะหรือคำแสลง โอกาสในการแปลไม่ตรงตามความต้องการของเราก็มีสูงตามไปด้วย

************************

หากท่านต้องการที่จะใช้ Google Translate (แปลภาษา) ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราขอแนะนำวิธีการดังต่อไปนี้

1. หากต้องการแปล ประโยคยาวๆ เราขอแนะนำให้ ลองทำการแปลที่ละประโยค หรือทีละย่อหน้าก่อน?
2. หากต้องการแปลไทยเป็นอังกฤษ พยายามตัดคำฟุ่มเฟือยออกไป เช่นคำว่า ? จ้ะ นะ ครับ จัง? เพราะบางครั้ง Google Translate จะรวมคำเหล่านี้เข้ามาในการแปล ทำให้โอกาสในการแปลนั้นผิดพลาดสูง
3. อีกกรณี หากแปลไทยเป็นอังกฤษ หาคำหรือประโยคที่ออกมานั้นดูไม่ค่อยเข้าที ลองเปลี่ยนคำที่ใกล้เคียง แล้วลองเปลี่ยนดูจนได้คำที่เหมาะสม
4. หากต้องการแปลคำศัพท์หลายๆ คำ ให้ทำการพิมพ์คำที่ต้องการแปล 1 คำ ต่อ 1 บรรทัด การแปลจะให้ผลที่ดีกว่า พิมพ์หลายๆคำ ลงในบรรทัดเดียวกัน
5. อย่าลืมที่จะคำนึงถึง คำศัพท์เฉพาะ คำศัพท์ในวงการ หรือคำแสลงใดๆ ก็ตาม เพราะบางที Google Translate อาจให้ความหมายที่ไปคนละทางเลยก็ได้
6. คำหนึ่งคำอาจมีความหมายหลากหลายรูปแบบ อย่าลืมที่จะดูคำที่ Google Translate แปลให้เพิ่ม โดยจะอยู่ใต้คำแปลหลัก เช่นคำว่า ?ลือ? จะแปลได้ว่า Propagate. แต่ก็จะมีคำอื่นที่ใกล้เคียงกันเช่น spread widely , make known , circulate , broadcast, disseminate ,propagate
7. ไม่ว่าคุณจะแปลไทยหรืออังกฤษ ให้ลองเปรียบเทียบประโยคก่อนแปลและหลังแปลดูก่อน อย่าเอาประโยคที่ได้ทำการแปลนั้นไปใช้ทันที ตรวจทานเรื่องคำดูอีกสักครั้ง ลองปรับบางคำเพื่อให้เหมาะสมกับประโยคนั้นมากที่สุดดูก่อน


ผู้เขียนบทความนี้ยังกล่าวอีกว่า ถึงจะมีบางคนใช้งาน Google Translate แล้วไม่ชอบ คิดว่าแปลออกมาแล้วไม่ต้องแปลดีกว่า แต่เขาเป็นคนหนึ่งที่ยังคิดว่า Google Translate จะให้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับเทคนิคการใช้ของแต่ละคนนะคะ ลองนำเคล็ดลับการแปลภาษาของ Google ไปใช้กันดู นะคะเผื่อเพื่อนๆเจอเวบไซต์ที่น่าสนใจเป็นภาษาต่างๆ ลองให้ Google ช่วยดูได้นะคะ^^

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แนวทางการวิเคราะห์ระบบ

แนวทางการวิเคราะห์ระบบก่อนจัดทำฐานข้อมูล ควรวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น โดยอาจทดลองถามคำถามกับตัวเองดังนี้ คือ

1. ข้อมูลอะไรที่เราต้องการเรียกใช้จากฐานข้อมูล

2. หัวเรื่องอะไรที่เราต้องการใส่ลงในฐานข้อมูล

3. แต่ละหัวเรื่องมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

4. ข้อมูลประเภทใดที่จะใส่ลงในแต่ละหัวเรื่อง

นักวิเคราะห์ระบบมักจะถูกมองว่าเป็น "ตัวแทนแห่งความเปลี่ยนแปลง" เหตุที่ว่างงานของนักวิเคราะห์ระบบเป็นงานที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของระบบงานโดยตรง นักวิเคราะห์ระบบจะต้องนำเอาความรู้ทางด้านเทคนิคและเทคโนโลยีมาช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อระบบงานของผู้ใช้หรือธุรกิจ

นักวิเคราะห์ระบบจะต้องทำตัวเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ และทราบถึงแนวโน้มที่จะเป็นไปในอนาคตด้วยการอ่านแม็กกาซีนรายเดือนหรือรายสัปดาห์ ในส่วนของระบบงานข้อมูลหรือคอมพิวเตอร์แม็กกาซีนจึงเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ระบบสมควรต้องติดตามอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้การสัมมนาทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรติดตามเช่นกัน

ความสามารถในการแก้ปัญหาและวิธีแก้ปัญหา
นักวิเคราะห์ระบบจะต้องมีความสามารถที่จะตีปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นแก่ธุรกิจเป็นส่วนๆ และวิเคราะห์ซึ่งปัญหาเหล่านั้นเพื่อที่จะหาวิธีการแก้ปัญหา นักวิเคราะห์ระบบจะต้องรู้จักวิเคราะห์ปัญหาในแง่ของการหาเหตุและผล อย่างมีขั้นตอน และรู้จักที่จะใช้ความสามารถของตนเพื่อหาวิธีการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา (ALTERNATIVE SOLUTIONS) แม้ว่าความสามารถอันนี้จะเป็นพรสวรรค์ที่มีมาในแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ก็สามารถที่จะพัฒนาและเรียนรู้ได้

เทคโนโลยีสำหรับชุมชน:ระบบสกัดน้ำมันปาล์มแบบไม่ใช้ไอน้ำ



ด้วยเหตุที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศกว่า ร้อยละ 90 ดังนั้น ความพยายามเพิ่มความอิสระในด้านพลังงานโดยการพัฒนาพลังงานทดแทน นอกจากจะสามารถช่วยลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศแล้ว ยังช่วยสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ ซึ่งนโยบายเพิ่มพื้นที่การปลูกปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซลเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ ภาครัฐนำมาใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมจากต่างประเทศ แม้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มในหลายภูมิภาค แต่ก็ประสบปัญหาด้านเทคนิคของการแปรรูปผลปาล์มดิบ เนื่องจากไม่มีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่ปลูกปาล์ใหม่ ทำให้เกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งวัตถุดิบไปจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ทำให้คุณภาพของผลปาล์มสดลดลงอันเป็นผลมาจากการเพิ่มระยะทางการขน ส่งทะลายปาล์มสด

อุปสรรคของโรงงานใหม่?
เมื่อมีแหล่งปลูกปาล์มเพิ่มสิ่งที่ควรมีเพิ่มด้วยคือ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม แต่เหตุที่ทำให้การตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มใกล้พื้นที่เพาะปลูกใหม่เกิด ขึ้นน้อยและช้า ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้เทคโนโลยีสกัดน้ำมันออกจากผลปาล์มโดยใช้ไอน้ำ ซึ่งต้องใช้งบลงทุนค่อนข้างสูงเพื่อสร้างโรงงาน และนำเข้าเครื่องจักรขนาดใหญ่ เพื่อให้เกิดการลดต้นทุนอันเนื่องมาจากการผลิตจำนวนมาก (economy of scale) นอกจากนี้หากตั้งโรงงานขนาดใหญ่เพื่อสกัดน้ำมันปาล์ม จะทำให้มีความต้องการทะลายปาล์มเป็นวัตถุดิบเพื่อป้อนเข้ากระบวนการผลิตเป็น จำนวนมาก ขณะที่ปริมาณผลผลิตปาล์มในพื้นที่ปลูกแห่งใหม่มีน้อยกว่าความสามารถการผลิต ของเครื่องจักร ย่อมทำให้ความสนใจตั้งโรงงานลดลง ประเด็น ทางสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน เนื่องจากเทคโนโลยีการสกัดน้ำมันปาล์มด้วยไอน้ำทำให้เกิดน้ำเสีย ทำให้การขอตั้งโรงงานขนาดใหญ่ (ที่มีน้ำเสียเกิดขึ้นในระบบการผลิต) ต้องผ่านการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน เมื่อปัจจัยเรื่องความคุ้มค่ามีน้อย ผนวกกับประเด็นทางสิ่งแวดล้อม ดังนั้นโอกาสเกิดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มแห่งใหม่ๆ ใกล้แหล่งปลูกใหม่จึงริบหรี่

วิธีสกัดน้ำมันปาล์ม ในปัจจุบัน มี 2 แบบคือ
แบบใช้ไอน้ำ เป็นเทคโนโลยีที่โรงงานส่วนใหญ่นิยมใช้ กระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มจะใช้ไอน้ำร้อนในการหยุดปฏิกิริยาการเกิดกรดไขมัน อิสระ (free fatty acid) ในผลปาล์ม และช่วยทำให้ทะลายปาล์มสดอ่อนตัวและหลุดออกจากขั้วผลได้ง่าย จากนั้นแยกผลปาล์มและทะลายออกจากกัน นำผลปาล์มไปเข้าหม้อนึ่งไอน้ำเพื่อทำให้เนื้อปาล์มหลุดจากกะลาเมล็ดในปาล์ม เนื้อปาล์มที่แยกออกได้จะถูกส่งเข้าเครื่องหีบเพื่อบีบเอาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO, crude palm oil) ออกมา น้ำมันปาล์มดิบที่ได้จะถูกนำไปผ่านกระบวนการกรอง การตกตะกอน และอื่นๆ เพื่อทำน้ำมันดิบให้สะอาด สุดท้ายนำไปผ่านกระบวนการไล่ความชื้นตกค้างออกจากน้ำมันปาล์ม
ข้อดีของระบบ คือ ผลิตภัณฑ์ที่สกัดได้เป็นน้ำมันปาล์มเกรดเอ มีคุณภาพและสมบัติเหมาะต่อการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น การผลิตน้ำมันไบโอดีเซล หรือน้ำมันพืช
ข้อเสีย คือ
  1. ในกระบวนการผลิตมีการใช้ไอน้ำจึงทำให้เกิดน้ำเสีย
  2. ระบบการสกัดประกอบด้วยเครื่องมือและเครื่องจักรมากกว่า จึงมีความซับซ้อนมากกว่า

แบบไม่ใช้ไอน้ำ กระบวนการสกัดเริ่มจากนำผลปาล์มไปอบแห้งเพื่อลดความชื้นและหยุดปฏิกิริยาการ เกิดกรดไขมันอิสระก่อน แล้วนำผลปาล์มที่ผ่านการอบไปเข้าเครื่องหีบน้ำมันต่อให้ได้น้ำมันปาล์มออกมา

ข้อดีของระบบ คือ
  1. ระบบมีความยุ่งยากน้อยกว่าระบบสกัดแบบใช้ไอน้ำ
  2. กากเนื้อปาล์มที่ได้ยังมีคุณค่าสามารถจำหน่ายหรือใช้เป็นอาหารสัตว์
  3. ไม่มีน้ำเสียเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต
ข้อเสีย คือ
  1. น้ำมันปาล์มที่ได้เป็นน้ำมันรวมระหว่างเนื้อปาล์มกับเมล็ดในปาล์ม ซึ่งมีค่าไอโอดีน (iodine value) ไม่เหมาะที่จะใช้ในกระบวนการกลั่นต่อ ทำให้น้ำมันถูกลดเกรดเป็นน้ำมันปาล์มเกรดบีที่มีราคาขายต่ำกว่าน้ำมันเกรดเอ ประมาณ 1-1.50 บาทต่อกิโลกรัม (ลิตร)
  2. เครื่องจักรที่ใช้ในระบบการสกัดมีความสึกหรอมากกว่า เพราะใช้หีบเนื้อปาล์มและเมล็ดในปาล์ม(ที่มีความแข็ง) พร้อมกัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านการซ่อมแซมและบำรุงรักษาค่อนข้างสูง

การพัฒนาระบบสกัดน้ำมัน
เมื่อพิจารณาข้อดี-ข้อเสียของระบบการสกัดน้ำมันปาล์มทั้ง 2 แบบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ทีมวิจัยของศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาตินำโดย ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์ และทีมงานของบริษัท เกรทอะโกร จำกัด จึงร่วมกันกำหนดแนวทางพัฒนากระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มระดับชุมชนดังนี้
  1. ระบบการสกัดน้ำมันปาล์มควรมีขนาดไม่ใหญ่ ลงทุนน้อย ติดตั้งและขยายกำลังการผลิตได้ง่าย
  2. ระบบมีกระบวนการทำงานสั้น และง่าย แต่ให้ผลผลิตเทียบเท่าระบบสกัดแบบใช้ไอน้ำ และได้น้ำมันปาล์มมีคุณภาพได้มาตรฐาน
  3. ระบบไม่ใช้ไอน้ำร้อนในการสกัด ทำให้ไม่ต้องสร้างระบบหม้อต้มน้ำจึงประหยัดพลังงาน และไม่ทำให้เกิดน้ำเสีย

ในการพัฒนาระบบสกัดน้ำมันปาล์มแบบไม่ใช้ไอน้ำ ส่วนที่เป็นหัวใจของระบบอยู่ที่เครื่องปั่นแยกเนื้อออกจากกะลาปาล์ม (เมล็ดในปาล์ม) โดยเครื่องถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อปั่นแยกเนื้อ และเมล็ดปาล์มออกจากกัน ก่อนนำเนื้อปาล์มเข้าเครื่องหีบน้ำมันเพื่อสกัดน้ำมัน ซึ่งผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่ได้จากการสกัดเป็นน้ำมันปาล์มเกรดเอ มีความชื้นและปริมาณกรดไขมันอิสระต่ำ อีกทั้งยังมีคุณภาพเหมือนน้ำมันปาล์มที่สกัดได้จากระบบการสกัดแบบใช้ไอน้ำในปัจจุบัน

จากความร่วมมือพัฒนาระบบกว่าหนึ่งปี ขณะนี้ระบบสกัดน้ำมันปาล์มแบบไม่ใช้ไอน้ำได้ถูกพัฒนาออกมาเป็นต้นแบบสำเร็จ แล้ว โดยระบบการสกัดน้ำมันที่พัฒนาขึ้นใหม่ เป็นระบบที่มีการทำงานสัมพันธ์ต่อเนื่อง (continuous process) มีองค์ประกอบหลักคือ

  1. เครื่องอบผลปาล์มร่วง
  2. เครื่องแยกเนื้อออกจากกะลาปาล์ม
  3. สกรูป้อนให้ความร้อน
  4. เครื่องหีบน้ำมัน
  5. เครื่องกรองหยาบสั่น
  6. เครื่องกรองละเอียด ซึ่งระบบการสกัดที่พัฒนาขึ้นใหม่เป็นระบบขนาดเล็กสามารถรองรับวัตถุดิบในรูป ผลปาล์มร่วงในปริมาณ 1.0 ตันต่อชั่วโมง (เทียบเท่ากับทะลายปาล์มสด 1.5 ตันต่อชั่วโมง) และสามารถรองรับผลผลิตปาล์มสดจากพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 1,500 ไร่

ปัจจุบันเครื่องต้นแบบของระบบสกัดน้ำมันปาล์มแบบไม่ใช้ไอน้ำผลงานการพัฒนา ร่วมระหว่างศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติและบริษัท เกรท อะโกร จำกัด ตั้งอยู่ที่ ตำบลหนองหมู อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี โดยศูนย์ฯ กำลังเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนที่สนใจรับสิทธิการผลิตระบบสกัดดังกล่าว สามารถเสนอตัวเข้ามาเพื่อขอรับการพิจารณาสิทธินี้

ที่มา : http://www.mtec.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=750&Itemid=36

~~ถ้าประเทศเราผลิตน้ำมันได้กับเขาบ้างก็คงจะดี เราจะได้ไม่ต้องคอยอิงราคาน้ำมันตามตลาดโลกหรือตลาดต่างๆ~~

พรรณราย (แมม)

เทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน

การใช้กระบวนการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนในการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน โดยทั่วไปสามารถแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย
1. การบำบัดขั้นต้น (Pre-treatment/Front-end Treatment) ซึ่งประกอบด้วยการคัดแยก (Sorting) ขยะมูลฝอยอินทรีย์จากขยะมูลฝอยรวม หรือการคัดแยกสิ่งปะปนออกจากขยะมูลฝอยอินทรีย์ และลดขนาด (Size Reduction) ของขยะมูลฝอยอินทรีย์ให้เหมาะสมสำหรับการย่อยสลาย และเพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอ (Homogeneity) ของสารอินทรีย์ที่จะป้อนเข้าสู่ระบบ (Feed Substrate) รวมทั้งเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับระบบ ซึ่งโดยทั่วไประบบบำบัดขั้นต้นสำหรับเทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ (1) Dry Separation Process ซึ่งมักจะใช้ Rotary Screen เป็นอุปกรณ์สำคัญในการคัดแยกขยะมูลฝอยอินทรีย์ และใช้ Shredder ในการบดย่อยขยะมูลฝอยอินทรีย์ให้มีขนาดเหมาะสำหรับการย่อยสลาย (2) Wet Separation Process จะใช้หลักการคัดแยกสิ่งปะปนออกจากขยะมูลฝอยอินทรีย์โดยวิธีการจม-ลอย (Sink-Float Separation) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์สำคัญที่เรียกว่า Pulper ทำหน้าที่ในการคัดแยกและบดย่อยขยะมูลฝอยอินทรีย์
2. การย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) ซึ่งเป็นขั้นตอนการผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะมูลฝอยอินทรีย์สำหรับนำไปใช้เป็นพลังงาน และเพื่อทำให้ขยะมูลฝอยอินทรีย์ถูกย่อยสลายเปลี่ยนเป็นอินทรียวัตถุที่มีความคงตัว ไม่มีกลิ่นเหม็น ปราศจากเชื้อโรคและเมล็ดวัชพืช โดยอาศัยการทำงานของจุลินทรีย์ในสภาพที่ไร้ออกซิเจน ซึ่งขั้นตอนการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนนี้สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ Dry Digestion Process และ Wet Digestion Process ซึ่งมีการควบคุมการป้อนสารอินทรีย์เข้าสู่ระบบให้ปริมาณของแข็งทั้งหมด (Total Solid Content) ให้เป็นประมาณร้อยละ 20-40 และน้อยกว่าร้อยละ 20 ตามลำดับ
3. การบำบัดขั้นหลัง (Post-treatment) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นขั้นตอนการจัดการกากตะกอนจากการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนให้มีความคงตัวมากขึ้น เช่น การนำไปหมักโดยใช้ระบบหมักปุ๋ยแบบใช้อากาศ รวมทั้งการคัดแยกเอาสิ่งปะปนต่างๆ เช่น เศษพลาสติกและเศษโลหะออกจาก Compost โดยใช้ตะแกรงร่อน ตลอดจนการปรับปรุงคุณภาพของ Compost ให้เหมาะสมกับการนำไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกพืช เช่น การอบเพื่อฆ่าเชื้อโรคและลดความชื้น เป็นต้น

พลังงานที่ผลิตได้จากเทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน
โดยทั่วไปการใช้เทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนในการบำบัดขยะมูลฝอยอินทรีย์ 1 ตัน จะได้ก๊าซชีวภาพประมาณ 100-200 ลูกบาศก์เมตร ก๊าซชีวภาพที่ได้จะมีมีเทนเป็นองค์ประกอบประมาณร้อยละ 55-70 และมีค่าความร้อนประมาณ 20-25 เมกะจูลต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งพลังงานประมาณร้อยละ 20-40 ของพลังงานของก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ จะถูกนำมาใช้ในระบบทั้งในรูปของพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อน และจะมีพลังงานไฟฟ้าส่วนที่เหลือประมาณ 75-150 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อตันขยะ ที่สามารถส่งออกไปจำหน่ายได้

จุดเด่นของเทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน
1. ทางด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย
- เป็นเทคโนโลยีการบำบัดขยะมูลฝอยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- สามารถแก้ปัญหากลิ่นเหม็น สัตว์พาหะนำโรคที่เกิดจากการกำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกหลักวิชาการ
- เป็นการหมุนเวียนขยะมูลฝอยอินทรีย์กลับมาใช้ใหม่ในรูปของสารปรับสภาพดิน
- ลดการใช้พื้นที่ในการกำจัดขยะมูลฝอย เมื่อเทียบกับระบบฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาล และระบบหมักปุ๋ยแบบใช้อากาศแบบดั้งเดิม (Conventional Anaerobic Composting)
- สามารถใช้บำบัดขยะมูลฝอยอินทรีย์ในที่ซึ่งการฝังกลบขยะมูลฝอยอินทรีย์ในพื้นที่ฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาลไม่เป็นที่ยอมรับ
- สามารถลดปริมาณขยะมูลฝอยที่จะต้องกำจัดในขั้นตอนสุดท้าย
- สามารถหมักร่วมกับของเสียอินทรีย์ประเภทอื่น (Co-digestion) เช่น เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มูลสัตว์ต่างๆ และของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม
2. ทางด้านพลังงาน
- เป็นเทคโนโลยีในการบำบัดขยะมูลฝอยซึ่งสามารถให้พลังงานสุทธิ (Net Energy Producer)
- มีศักยภาพในการผลิตพลังงานจาก ”ขยะเปียก” ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับการเผาเพื่อผลิตพลังงาน มีศักยภาพที่จะได้รับผลตอบแทนทางการเงินและเศรษฐศาสตร์สูง โดยเฉพาะเมื่อพลังงานชนิดอื่นมีราคาสูง และรัฐมีมาตรการส่งเสริมการผลิตพลังงานจากก๊าซชีวภาพ

การใช้เทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนในการบำบัดและผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยในประเทศไทย
ปัจจุบันในประเทศไทยได้เริ่มมีการนำเทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจนมาใช้ในการบำบัดและผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยชุมชน เช่น โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และพลังงานจังหวัดระยอง ของเทศบาลนครระยอง และโครงการศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวม จังหวัดชลบุรี ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

ทุกวันนี้ขยะในบ้านเราก็ล้นโลกอยู่แล้ว ถ้าเรารู้จักนำขยะมาเข้าระบบย่อยสลายทำให้มันเกิดประโยชน์ได้อีกก็น่าจะดีกว่าเดิมนะค่ะเพื่อนๆ

credit by http://www.dede.go.th/dede/index.php?id=454
วันนิดา (ต๊อบ)

ระบบการชำระเงินออนไลน์

E-Payment
สำหรับท่านสมาชิกที่สมัครใช้บริการ ReadyPlanet.com แล้วต้องการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของท่าน ในการที่จะขายสินค้า หรือบริการชำระเงินออนไลน์

ระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ของ PaysBuy

สมัครใช้บริการเพย์สบาย
สมัครใช้บริการได้ทันที ฟรี ผ่านหน้าเว็ปไซต์ ของ PaySbuy
ไม่มีค่าสมัครสมาชิกแรกเข้า
ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน รายปี
ยื่นเอกสารประกอบการสมัคร พร้อมใช้งานได้ทันที

ขั้นตอนการติดตั้งระบบ PaySbuy เข้ากับระบบเว็บไซต์ ReadyPlanet
Paysbuy สามารถรับบัตรเครดิตได้ 2 ประเภทคือ
บัตรเครดิต VISA ของทุกธนาคาร
บัตรเครดิต MasterCard ของทุกธนาคาร
กรณีการรับชำระเงินด้วยบัญชีเพย์สบาย
โดยผู้ชำระเงินต้องทำการเติมเงินจากบัญชีธนาคาร 6 แห่ง หรือจากบัตรเครดิตก่อน และจึงสามารถใช้เงินในบัญชีเพย์สบายชำระค่าสินค้า/บริการได้โดยผ่านปุ่มการชำระเงิน
ค่าธรรมเนียมการรับเงิน

คิดเป็นอัตราร้อยละของจำนวนเงินที่ 3.5% (ไม่รวม vat 7% ของค่าธรรมเนียม)
เช่น ค่าสินค้า 100 บาท เมื่อผู้ซื้อสินค้าชำระผ่านเพย์สบาย ร้านค้าจะได้รับเงินเท่ากับ 96.25 บาท คือเสียค่าธรรมเนียมการ "รับเงิน" 3.5 บาท และ vat 7% ของ 3.5 บาท คือ 0.24 บาท รวมเสียค่าธรรมเนียมทั้งสิ้น 3.745 บาท ยอดเงินที่จะได้รับสุทธิคือ 96.25 บาท
การรับชำระค่าสินค้า/บริการ
ร้านค้าสามารถรับชำระเงินจากใครที่ไหนก็ได้ เพียงแจ้งที่อยู่อีเมล์ (Username) ของบัญชีเพย์สบายให้กับบุคคลที่ต้องการโอนเงิน หรือสร้างปุ่มเพย์สบายเพื่อใช้รับชำระเงินบนหน้าเว็บไซต์ของคุณ และจะได้รับการแจ้งเตือนการรับเงินผ่านทางอีเมล์ของคุณ
การส่งเงิน / ชำระค่าสินค้าและบริการ
เมื่อมีเงินในบัญชีเพย์สบายแล้ว ผู้ใช้บริการสามารถใช้เงินชำระค่าสินค้าหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ตามต้องการกับร้านค้าที่มีปุ่มเครื่องหมายรับชำระด้วยเพย์สบาย ดังตัวอย่างด้านล่างนี้


การถอนเงิน (โอนเงินออก) จากบัญชีเพย์สบาย
เมื่อได้รับเงินจากผู้ส่งเงิน หรือผู้ซื้อสินค้า / บริการ เงินจะอยู่ในบัญชีเพย์สบายของคุณจนกว่าจะทำกรายการ "ถอนเงิน (โอนเงิน) เข้าบัญชีธนาคารที่คุณระบุไว้ ใช้เวลา 3 วันทำการ* ยอดเงินจะเข้ายังบัญชีธนาคารของคุณ
การตรวจสอบรายการธุรกรรม
สมาชิกเพย์สบาย สามารถเข้าทำการตรวจสอบรายการธุรกรรมได้ตลอดเวลา ผ่านเว็บไซต์ Paysbuy.com โดยแสดงข้อมูลได้อย่างละเอียดครบถ้วนพร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดเป็นรูปแบบ Excel file ได้เพื่อความสะดวกในการจัดการข้อมูล
ระบบความปลอดภัย
เพย์สบายใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลด้วยระบบ Secured Socket Layer (SSL 128 bits) และเทคโนโลยีทันสมัยอื่น ๆ ในการปกป้องข้อมูลซึ่งมีระดับความปลอดภัยของข้อมูลเทียบเท่ากับระบบธนาคารทางอินเทอร์เน็ตของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำทั่วไป นอกจากนี้ยังเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการใช้บัตรเครดิตด้วย Verified by Visa และ MasterCard Secure Code
ดูรายละเอียดและสมัครใช้บริการ Paysbuy Click (https://www.paysbuy.com/)


อติภัทร(แก๊ป)

ภาพลวงตา ???

ภาพลวงตา
ภาพลวงตา หมายถึงภาพที่หลอกตาให้มองเห็นและรับรู้ผิดพลาดไปจากความจริง ส่วนใหญ่สายตาจะรับรู้ผิดพลาดเกี่ยวกับรูปทาง ขนาด และ สี

>>>> อวัยวะที่ใช้ในการสัมผัสของคนเรามีหลายชนิด “ตา” ก็เป็นอวัยวะที่ใช้ในการสัมผัสรับรู้ด้วยการมองเห็นเท่านั้น แต่เราจะมีระบบที่ใช้ในการประมวลผลหลัก คือ “สมอง” ที่จะเป็นตัวบอกว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันคืออะไร ตาและสมองจะทำงานสัมพันธ์กันเสมอ แต่จะมีบ้างที่เกิดอาการสับสน ทำให้สิ่งที่เห็นผิดไปจากความเป็นจริง ซึ่งบางครั้งปรากฏการณ์ที่ว่านี้ อาจไม่ได้ใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายโดยตรง แต่เป็นเรื่องจริงของความรู้สึกและประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคน

ตำแหน่งจุดบอดบนจอตาของเรา(blind spot)
รูปแบบที่สมองทำกับช่องว่างที่เกิดขึ้นในภาพบนจอตาที่ไม่สามารถอธิบายได้เรียกว่า การเติมเต็ม (filling in)


>>>> ขอกล่าวถึงการทำงานประสานกันระหว่างตาและสมองดังนี้ ตาและสมองทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดมาก โดยตาเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่รับภาพเข้ามา ส่วนสมองทำงหน้าที่ประมวลผล และวิเคราะห์ว่าภาพที่รับเข้ามานั้นเป็นภาพอะไร มีสีอะไร เป็นภาพเคลื่อนไหวหรือภาพนิ่ง เมื่องแสงจากวัตถุกระทบเลนส์ตา จะเกิดการหักเหและปรากฏเป็นภาพจริง

การทำงานประสานกันระหว่างตาและสมอง

สาเหตุของการเกิดภาพลวงตา
1. เกิดจากความสามารถในการกวาดสายตาในแนวดิ่งและแนวราบไม่เท่ากัน
2. เกิดจากตาสองข้างส่งข้อมูลที่แตกต่างไปยังสมอง
3. เกิดจากการเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใด ( เช่นภาพแรกที่จริงๆแล้วเป็นเส้นขนาน )
4. เกิดจากการเกิดมุมหรือตัดกันของเส้น
5. เกิดจากการเปรียบเทียบ หรือขนาดสัมพัทธ์ (Relative size )
6. เกิดจากสิ่งแวดล้อม
7. เกิดจากการมองเห็นภาพด้วยนัยน์ตาทั้งสองข้าง
8. เกิดจากเซลล์ประสาทมีขีดจำกัดในการรับรู้
9. เกิดจากสมบัติของแสง

สีเขียว(เหมือนกัน)

สี่เหลี่ยมจัตุรัส

นี่ก็สี่เหลี่ยมจัตุรัส


เห็นเด็กน้อยไหม


ขยับได้ด้วย !!!

จุดสีขาวกลายเป็นจุดสี เทา ดำ


จิกซอร์พิศวง



ตาเอียง หรือ เส้นเอียง


น่าแปลก หรือ หน้าแปลก


คนลวงตาเขียนภาพลวงตา



หมุนได้ ?


ไม่หนาวเหรอ

มองมากระวังปวดตานะ

บ้านพิศวง?



วิทยาศาสตร์มีคำตอบ


ช้างมีกี่ขา ?



นับได้กี่คน ?


มองที่เครื่องหมายบวกอย่างเดียว
จะทำให้จุดสีม่วงรอบๆหายไป
น่าแปลกไหม ?

>>> บางคนต้องใช้เวลานานถึงจะมองเห็น หรืออาจจะต้องบอกวิธีการอยู่บ้าง แต่บางคนอาจจะมองไม่ออกเลย โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ เพราะประสบการณ์เกี่ยวกับภาพในลักษณะนี้ยังน้อยอยู่ จึงทำให้เกิดเป็นภาพลวงตา
---------------------------------------------------
สิ่งที่เรามองเห็นด้วยตานั้น อาจจะกลายเป็นภาพ ลวงใจ ของเราเอง
สิ่งน้อยนิดที่ดวงตาเราสามารถมองเห็น อาจไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด
ดังนั้นเราอย่ามองด้วยตาเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องใช้ "ปัญญา" มองด้วย
มองให้เห็น"เหตุ"และ"ผล"ของสิ่งที่เกิดขึ้น
ปล.ช่วยโหวตด้วยนะว่าชอบภาพไหนมากที่สุด

>>>>> Art_Kriang ^_^
>>> เกรียงไกร(อาท)


ระวัง...อีเมลปลอม Update Microsoft

ระวังภัยไวรัสแบบใหม่ที่ออกล่าเหยื่อด้วย แฝงตัวเป็นอีเมลปลอม

ไวรัสคอมพิวเตอร์ ยังคงเป็นภัยอันตรายต่อพวกเราชาวอินเตอร์เน็ตอย่างไม่รู้จบ ไม่ว่าเราจะหาหนทางวิธีใดๆเพื่อสู้กับมัน แต่ก็ดูเหมือนว่า มันกลับทำให้ ไวรัสคอมพิวเตอร์ เปลี่ยนแปลงรูปแบบในการแพร่กระจายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากโลกคอมพิวเตอร์เลย

อย่างข่าวล่าสุดที่ได้รับแจ้งมาคือ ตอนนี้ผู้ไม่หวังดีได้ทำการปล่อยไวรัสรูปแบบใหม่ทางอีเมล โดยแฝงตัวว่าเป็นอีเมลแจ้งเตือนจากไมโครซอฟท์ ให้อัพเดทผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้จำนวนมาก...1 ในนั้น ได้แก่ อีเมลหลอกลวงให้อัพเดทโปรแกรม Outlook


โดยทางไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยว่า ทางไมโครซอฟท์ไม่มีการแจ้งอัพเดตกับผู้ใช้ทาง"อีเมล" แต่ล่าสุดผู้ที่ไม่รู้ก็ยังคงตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี โดยใช้มุกนี้หลอกผู้ใช้ด้วยการส่งอีเมลที่มีหัวเรื่อง (Subject) ว่า "Critical Update for Microsoft Outlook..." ซึ่งรายละเอียดจะดูเหมือนส่งมาจากไมโครซอฟท์ แต่ความจริงมันมีลิงก์อันตรายซุกซ่อนอยู่ในเมล



ล่าสุดอีเมลฉบับดังกล่าวได้ถูกแพร่กระจายส่งไปยังผู้ใช้ทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว โดยในอีเมลจะมีลิงก์ข้อความว่า "Update for Microsoft Outlook/Outlook Express (KB910721) " ซึ่ง ดูแล้วมันมีความน่าเชื่อถือมากๆ แต่เมื่อผู้รับคลิกบนลิงก์ดังกล่าว มันจะพาเข้าไปยังเว็บไซต์อัพเดตปลอม เพื่อดาวน์โหลดโทรจันเข้าไปติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อแทน

รายงานดังกล่าวเปิดเผยโดย Trend Micro บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งพบว่า มีสแปมเมลที่อ้างว่า ส่งมาจากไมโครซอฟท์ เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้อัพเดตซอฟต์แวร์ที่มีข้อผิดพลาด โดยรายละเอียดปรากฎอยู่ในบล็อกของทางบริษัทฯ

โดยได้มีการเปิดเผยต่อไปว่า URL ที่ระบุว่า Critical update ในเว็บไซต์นั้นจะดาวน์โหลดมัลแวร์จากที่อื่น ไม่ได้เป็นการดาวน์โหลดจากไมโครซอฟท์ (สามารถตรวจสอบได้ โดยเลื่อนเมาส์ไปบนลิงก์ แล้วดูที่แถบสถานะที่อยู่บริเวณด้านล่างของบราวเซอร์)" ในบล็อกของ Trend Micro ระบุชัดเจนว่า URL ที่ผู้ใช้คลิกไปนั้นจะดาวน์โหลดไวรัสโทรจันที่มีลักษณะเป็นไฟล์ .bin สามารถอัพเดตตัวเอง และขโมยข้อมูลในเครื่องของเหยื่อส่งออกไปได้

ยังไงเพื่อนๆ ก็ต้องระวังให้มากขึ้นน อย่าหลงกลกับมุกหลอกลวงของผู้ไม่หวังดีล่ะ....ไม่อย่างนั้น คอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆ อาจจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไปก็เป็นได้

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://www.dek-d.com/

มหัศจรรย์แห่งชีวิต... หลักคิดจากท่าน ว.วชิรเมธี

๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ

๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงคราม ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดีี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟนรู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน

๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง

๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?เ
ขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ

๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา

๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่

๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย

๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือคุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า

๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน

๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ

๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๖. สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน

๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน

abearo_MIE

วิธีคิด 10 มิติ


ยุคปัจจุบันเป็นยุคที่ "ความรู้ คือ อำนาจ" อย่างไรก็ตามผู้ที่จะสามารถใช้ข้อมูลข่าวสารต่างๆให้เกิดอำนาจได้นั้นจำเป็นต้องมีความสามารถในการใช้ปรับข้อมูลข่าวสารให้อยู่ในรูปขององค์ความรู้และนำมาใช้ประกอบการดำเนินชีวิตด้านต่างๆได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดซึ่งผู้ที่จะสามารถเป็นเช่นนั้นได้จะต้องมีคุณสมบัติประการหนึ่งในชีวิตนั่นคือ "คิดเป็น"
การคิด (Thinking) คือการที่คนคนหนึ่งพยายามใช้พลังทางสมองของตนในการนำเอาข้อมูล ความรู้ประสบการณ์ต่างๆที่มีอยู่ มาจัดวางอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้มา ซึ่งผลลัพธ์เช่น การตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด เป็นต้น
การคิดเหมือนการเรียงหินที่กระจัดกระจายให้เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยนำหินแต่ละก้อน มาประกอบกันในแต่ละที่อย่างเหมาะสม "การเรียงหิน" เปรียบได้กับ "การจัดระเบียบข้อมูล" ที่เราได้ใช้การคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ ลึกซึ้ง และมีระบบระเบียบ
สำหรับคนที่ "คิดเป็น" จะสามารถจัดข้อมูลให้เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อให้ได้ความคิดที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับหินที่ได้รับการจัดวางเรียงอย่างเหมาะสมย่อมกลายเป็นอาคารที่งดงามได้ในที่สุดในขณะเดียวกัน
ส่วนคนที่ "คิดไม่เป็น"ก็เหมือนกันคนที่โยนก้อนหินมากองๆ รวมกันหรือจัดอย่างสะเปะสะปะ ไม่รู้ว่าก้อนใดควรอยู่ที่ใด ความคิดที่ออกมาจึงไม่ได้เป็นความคิดที่มีความชัดเจนและเป็นระบบระเบียบ

ความสามารถในการคิด ทำให้มนุษย์มีความเป็นมนุษย์ที่มีความแตกต่างจากสัตว์สามารถแก้ปัญหาให้กับตนเองได้สามารถคิดสร้างสรรค์เครื่องทุ่นแรงสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ได้สามารถสร้างความสุข ให้กับตนเองและปกป้องตนเองให้พ้นจากภัยธรรมชาติได้การคิด ทำให้คนไม่ถูกหลอกด้วยการตีความหรือยอมรับการตีความข้อมูลอย่างผิดๆ และไม่เชื่อถือสิ่งต่างๆอย่างง่ายๆแต่จะวินิจฉัยไตร่ตรอง และพิสูจน์ความจริง อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือก

จึงขอนำเสนอแนวทางในการคิด 10 มิตินั่นคือ

ประการแรกการคิดเชิงวิพากย์ (Critical Thinking) หมายถึงความตั้งใจที่จะพิจารณาตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยการไม่เห็นคล้อยตามข้อเสนออย่างง่ายๆแต่ตั้งคำถามท้าทายหรือโต้แย้งสมมติฐานและข้อสมมติที่อยู่เบื้องหลังและพยายามเปิดแนวทางความคิด ออกลู่ทางต่างๆที่แตกต่างจากข้อเสนอนั้นเพื่อให้สามารถได้คำตอบที่สมเหตุสมผลมากกว่าข้อเสนอเดิม

ประการที่ 2 การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) หมายถึงการจำแนกแจกแจงองค์ประกอบต่างๆของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งและหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้นเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้น

ประการที่ 3 การคิดเชิงสังเคราะห์ (Synthesis-Type Thinking) หมายถึงความสามารถในการดึงองค์ประกอบต่างๆมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้สิ่งใหม่ ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

ประการที่ 4 การคิดเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Thinking) หมายถึงการพิจารณาเทียบเคียงความเหมือน และ หรือ ความแตกต่างระหว่างสิ่งนั้นกับสิ่งอื่นๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจสามารถอธิบายเรื่องนั้นได้อย่างชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการคิด การแก้ปัญหาหรือการหาทางเลือดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ประการที่ 5 การคิดเชิงมโนทัศน์ (Conceptual Thinking) หมายถึงความสามารถในการประสานข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่เกี่ยวกับเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้อย่างไม่ขัดแย้งแล้วนำมาสร้างเป็นความคิดรวบยอดหรือกรอบความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น

ประการที่ 6 การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) หมายถึงการขยายขอบเขตความคิดออกไป จากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่สู่ความคิดใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น

ประการที่ 7 การคิดเชิงประยุกต์ (Applicative Thinking) หมายถึงความสามารถในการนำเอาสิ่งที่มีอยู่เดิมไปปรับใช้ประโยชน์ในบริบทใหม่ได้อย่างเหมาะสมโดยยังคงหลักการของสิ่งเดิมไว้

ประการที่ 8 การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking) หมายถึงความสามารถในการกำหนดแนวทางที่ดีที่สุดภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆที่เกี่ยวข้อง เข้าหาแกนหลักได้อย่างเหมาะสมเพื่ออธิบายหรือให้เหตุผลสนับสนุนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ประการที่ 9 การคิดเชิงบูรณาการ (Integrative Thinking) หมายถึงความสามารถในการเชื่อมโยงแนวคิด หรือองค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าหาแกนหลักได้อย่างเหมาะสมเพื่ออธิบายหรือให้เหตุผลสนับสนุนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ประการที่ 10 การคิดเชิงอนาคต (Futuristic Thinking) หมายถึงความสามารถในการคาดการณ์สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างมีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม __________________
ถ้าเพื่อนๆลองนำวิธีคิดทั้ง10 มิติไปลองใช้ดูน่ะค่ะ เพราะวิธีการคิดต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จและยากที่จะผิดพลาดในการติดสินใจทำสิ่งใดๆ จะทำให้เราไม่หลงเชื่อสิ่งใดอย่างง่ายๆ แต่จะคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจ สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีกลยุทธ์ทำให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อีกทั้งสามารถเตรียมความพร้อม ให้กับอนาคตที่จะมาถึงได้อย่างรอบคอบ
ปวีณา (ปุ๋ย) 49040075

Hack ระบบ ผ่าน Google ง่ายจริงหรือ ?

...Google คือสุดยอดเว็บค้นหาที่หลายคนเลือกใช้บริการ เพราะมีวิธีการสืบค้นข้อมูลที่ล้ำหน้า และให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว จึงทำให้ทุกๆ อย่างที่ค้นหาด้วย Google นั้น ดูจะสัมฤทธิผลไปซะทุกอย่าง แม้แต่พวกแฮกเกอร์เองยังมาใช้บริการสุดยอดเว็บเสิร์จเอ็นจิ้นนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลและหาช่องทางที่จะใช้เจาะไปยังเครือข่ายต่างๆ เชื่อไหมคะว่าคุณเองก็สามารถทำได้เช่นกัน...

Google for Hacker :

สาเหตุที่ Google เป็นระบบค้นหาที่ต้องตาต้องใจเหล่านนักแฮกก็คือ Google มีฐานข้อมูลที่เป็นของเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลกประมาณ 1 หมื่นล้านเว็บไซต์ ระบบค้นหารองรับคีย์เวิร์ดที่เป็นข้อความ Text ได้สมบูรณ์มาก สามารถใส่เงื่อนไขหรือพารามิเตอร์ในการค้นหาได้อย่างละเอียด ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือข้อมูลที่มีความแม่นยำหรือตรงกับที่เราต้องการมากที่ สุด นอกจากนี้ Google ยังเป็นของสาธารณชน ที่อนุญาตให้ใช้งานกันฟรีๆ ทำให้เว็บไซต์หลายแห่งผูกตัวเองเข้ากับระบบค้นหาของ Google เพื่อที่จะได้ถูกค้นเจอเป็นอันดับต้นๆ รวมถึงยังฟรี Pop-Up ต่างๆ ด้วย เห็นได้ชัดว่า Google เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากอย่างแท้จริง เพียงแค่นี้ก็ทำให้แฮกเกอร์หลงรัก Google ไปอีกนาน

สำหรับแฮกเกอร์แล้ว การได้มาซึ่งข้อมูลส่วนตัวของเป้ามายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอีเมล์แอดเดรสนั้น หากแฮกเกอร์ต้องการเจาะเข้าไปยังหน่วยงานราชการหรือองค์กรธุรกิจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ค้นหาอีเมล์แอ็กเคานต์ของบุคลากรในหน่วยงานนั้นให้ได้ ซึ่งก็คือรายชื่ออีเมล์ของพนักงานนั่นเอง โดยเฉพาะระดับหัวหน้าหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีและการเงินนั้น หากแฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าไปเพื่ออ่านข้อมูลในอีเมล์ได้ละก็ รับรองว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่ เราไปดูวิธีการตั้งแต่ต้นจนจบเลยว่าแฮกเกอร์ใช้ Google มาช่วยได้อย่างไรบ้าง

ศาสตร์แห่งการค้นหาด้วย Google :

1.) การใช้ Google มาเป็นเครื่องมือในการค้นหาข้อมูลของพวกแฮกเกอร์นั้น เป้าหมายหลักของแฮกเกอร์คือ บริษัทที่เพิ่งนำไอทีเข้ามาใช้อย่างเต็มตัว ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเว็บไซต์ของบริษัทเป็นของตนเอง แฮกแกอร์จะเลือกเว็บไซต์ประเภท E-Commerce หน้าใหม่ไฟแรง แต่ยังไม่คุ้นเคยกับระบบการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเว็บไซต์พวกนี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน และมักจะไปโพสต์ตัวเองตามเว็บบอร์ด หรือโฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ เท่านี้แฮกเกอร์ก็มีข้อมูลของเว็บไซต์ E-Commerce ใหม่ๆ อยู่ในมือแล้ว

2.) ขั้นตอนต่อไปคือ แฮกเกอร์พยายามตรวจสอบรายละเอียดของเว็บไซต์เหล่านี้ว่าทำธุรกิจแบบไหน ใช้บริการจากใครในการชำระเงิน หรือมีระบบความปลอดภัยระดับไหน และที่สำคัญมีข้อมูลใดที่น่าสนใจบ้าง เมื่อทำลิสต์ข้อมูลที่ต้องการได้แล้วก็ถึงเวลาลงมือกันซะที

3.) สำหรับเว็บ E-Commerce หน้าใหม่ แฮกเกอร์จะทดลองเจาะเข้าไปตรงๆ เผื่อโชคดีไปเจอเข้ากับระบบที่มีการคอนฟิกไม่ดีพอ ซึ่งจะช่วยให้แฮกเกอร์ทำงานได้ง่ายขึ้นไปอีก นอกจากนี้ แฮกเกอร์ยังใช้การค้นหาผ่าน Google ลงไปตรงๆ เช่น อยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณหรือ budget ซึ่งอาจจะมีเว็บไซต์บางแห่งหละหลวมนำข้อมูลนี้มาไว้ในไดเรกทอรีเดียวกันกับข้อมูลที่อยู่บนหน้าเว็บด้วย ดังนั้น แฮกเกอร์จะลองค้นหาโดยพิมพ์คีย์เวิร์ด budget filetype:xls ลงไป ซึ่งถ้าโชคดีก็จะมีตารางเอ็กเซลแสดงงบประมาณของบริษัทแห่งหนึ่งโชว์ขึ้นมา

4.) ถ้าคุณยังจำหน้าเว็บที่แสดงรูตไดเรกทอรียาวๆ เวลาที่ค้นหาไฟล์รูปภาพจาก Google โดยมีชื่อจ่าหัวตัวเบ้อเริ่มบนหน้าเว็บว่า Index of /images และมีไดเรกทอรีหลักชื่อว่า “Parent Directory” ได้ละก็ โปรดจำไว้ว่านี่คือความผิดพลาดของแอดมินฯ ในการคอนฟิกค่าบนระบบยูนิกซ์ไม่รัดกุมพอ ทำให้มีข้อมูลที่อยู่ในรูตไดเรกทอรีหลุดรอดออกมา และหน้าเว็บแบบนี้แหละค่ะที่แฮกเกอร์ต้องการนักหนา หน้าต่าง Parent directory เป็นเหมือนประตูที่จะนำไปสู่ข้อมูลอื่นๆ ได้เช่นกัน หากแฮกเกอร์โชคดีก็สามารถเข้าไปถึงข้อมูลในไดเรกทอรีหลักของคุณได้เลย

คำแนะนำในการเก็บข้อมูลให้ปลอดภัย :

- ข้อมูลที่มีความสำคัญมากๆ ไม่ควรนำมาเก็บไว้ในบานข้อมูลเดียวกันกับตัวเว็บไซต์

- ยกเลิกการเข้าถึงข้อมูลผ่านไดเรกทอรีบนหน้าเว็บโดยตรง

- เก็บเครื่องมือหรือยูทิลิตี้ทางด้านเน็ตเวิร์กที่ใช้คอนฟิกระบบแยกออกมาข้างนอก ไม่ควรนำไปปะปนกับข้อมูลที่เป็นส่วนของเว็บ

- ทดสอบระบบของคุณด้วยการแฮกผ่าน Google เข้ามา หากพบว่ายังมีข้อมูลที่รั่วไหลหรือไม่ต้องการเผยแพร่ออกมาละก็ เรียกผู้ดูแลระบบมาแก้ไขโดยด่วน

credit:http://www.arip.co.th/

เห็นว่าเป็นบทความที่น่าสนใจดี แล้วก็ได้ความรู้ใหม่ๆด้วย เลยลองนำมาให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันดูจ้า ~>0<~

...ทำให้รู้สึกว่า อะไรที่เข้าถึงง่ายแล้วก็สะดวกเกินไปนี่ก็มีข้อเสียเหมือนกันนะเนี่ย ก็กูเกิลพี่แกเล่นเก็บทุกอย่างเอาไว้เลยนี่เนอะ ถึงจะสะดวกต่อการค้นหา แต่ก็สะดวกต่อการแฮกข้อมูลได้ง่ายเหมือนกัน...

จิราพร (จูน)

ศัพท์คอมพิวเตอร์แบบไทยๆ

ส่งseminar กับ ปัญหาพิเศษไปแล้ว เรามารู้จักศัพท์คอมพิวเตอร์แบบไทยๆกันดีกว่า

ปล. ขำๆนะครับบางคำอาจจะไม่เหมาะสมขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยนะครับบางคำอาจะรู้จักกันแล้ว
บางคำก็ต้องแปลไทยเป็นไทย

เรามารู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กันดีกว่า

กระด้างภัณฑ์ = Hardware

ละมุนภัณฑ์ = Software
จิ๋วละมุน = Microsoft
คณิตกรณ์ = Computer
เครื่องเฝ้าสังเกต = Monitor
จานบันทึกแบบแข็งที่หน่วยขับ = Hard Disk Drive
เครือข่ายในพิภพ = www
ตัวกล้ำและแยกสัญญาณ = Modem
คณิตกรณ์วางตัก = Notebook
จอภาพผลึกเหลว = LCD
แผ่นบันทึกชนิดอ่อนปวกเปียก = Floppy Disk
เครื่องกราดภาพ = Scanner

ทันตะคราม = Bluetooth

"จะแนะนำให้รู้จักกระด้างภัณฑ์เบื้องต้น
และการใช้งาน ละมุนภัณฑ์ของบริษัทจิ๋วละมุน"

"ส่วนประกอบของเครื่องคณิตกรณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ
เครื่องเฝ้าสังเกตเพื่อเอาไว้แสดงผล
และจานบันทึกแบบแข็งที่หน่วยขับ สำหรับเก็บข้อมูลที่สำคัญ
และถ้าต้องการใช้งานเครือข่ายใยพิภพ
ก็ต้องใช้ตัวกล้ำและแยกสัญญาณในการเชื่อมต่อ"


พหุบัญชร หมายถึง Windows หรือหน้าต่างหลายๆบาน
คำว่าพหุ แปลว่า มาก,หลาย
และบัญชร แปลว่า หน้าต่าง
จุดอิทธิฤทธิ์ ฟังดูน่าตื้นเต้นดีไหม แปลตรงตัวได้ว่า PowerPoint
พหุอุบลจารึก รวมแล้วแปลว่า Lotus Notes
สำหรับคำว่าอุบล หมายถึง ดอกบัว
ภัทร สั้นง่ายได้ใจความ ภัทร แปลว่าดี, เจริญ, ประเสริฐ
ซึ่งก็คือ EXCEL นั่นเอง
ปฐมพิศ ปฐม แปลว่าพื้นฐาน หรือ Basic
พิศ แปลว่าการมอง คล้ายๆกับ Visual
เหมาเป็น Visual Basic
พหุภาระ Multitasking คำว่าพหุถูกนำมาใช้อีกแล้ว
ก็ดันทำหลายงานพร้อม ๆ กันเลยเป็นพหูพจน์นะซิ
แท่งภาระ ชุดต่อเนื่องของคำว่าภาระ หรือ Task
ดังนั้นแท่งภาระจึงหมายถึง Taskbar
แท่งหฤหรรษ์ แปลได้ความหมายดีมากคือ Joystick
เพราะใช้ในการเล่นเกมทำให้เกิดความสุข
สรรค์ใน สรรค์ หมายถึงสร้าง ซึ่งก็คือ Build รวมกับในหรือ in
เป็น Build-in
ยืนเอกา เอกา แปลว่า โดดเดี่ยว, ยืนแปลว่าไม่ได้นั่ง
รวมความได้ว่าไม่ได้นั่งคนเดียว หรือยืนคนเดียว หรือ
Standalone

หนูชี้เป้า : Mouse
เครื่องขับแม่เหล็กจานแข็ง สองร้อยห้าสิบตื้อ อัฏฐะบาล : Harddisk 250 Giga bytes
เครื่องบันทึกสำหรับช่องอนุกรมวาบวาวอเนกประสงค์ : Universal Serial Bus (USB) Flash drive
กลุ่มเกล็ดสหสมองกล : Chip Set
แผ่นบันทึกด้วยแสงกระทัดรัด : Compact disk (CD)
แผ่นบันทึกวิลาศเชิงเลข : Digital Versatile disk (DVD)
เครื่องหาเส้นทางวิ่งบนเครือข่ายแบบไร้สาย : Wireless router
การสื่อสายสัญญาณชิงเลขแบบอสมมาตรกึ่งสมยอม : Asymmetric Digital Subscriber Line (ADSL)
เสียงบนภาษาเครือข่ายสากล : Voice Over Internet Protocal (VoIP)
เครื่องผกเสียงผันเลข : Modulate-Demodulate device (MODEM)
ว่องภาคิณ : ActiveX
จลน์สูตรบรรณกรรม : Dynamic Library Link (DLL)
กำแพงอัฏฐะบาลอัคคี : Firewall
ละมุนภัณฑ์อสุรกายพิฆาต : Scan Virus Software
จอผลึกวิจิตรสีอสงขัย : High Definition Liquid Crystal Display (HD LCD)


ที่มา http://dek-d.com/board/view.php?id=1257419
http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=cmupark&topic=43885
http://www.chaliang.com/Board-Detail.asp?ID=02760

ณัฐพล(ท๊อป)

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความรู้รอบตัว ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้...

สวัสดีอาจารย์จงดีและเพื่อนๆทุกคนนะครับ
วันนี้ผมเจอบทความน่าสนใจดี แต่รุสึกจะไม่ค่อยเกี่ยวกะวิชา SA เท่าไรนัก แต่คิดว่าบทความนี้น่ามีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก้น้อยเอาไว้เป็นความรู้รอบตัวดี

เออ..แล้วจะมาบอกวว่ามีงาน Commart X-Gen 2009 ในวันที่ 2 - 5 กรกฎาคม 2552 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (นอกเรื่องสักนิดครับ 55+ ) เผื่อเพื่อนๆบางคนไม่รุจะได้ไปและคิดกันว่าจะไปซื้อไรดี (จะบอกว่าวันสุดท้ายของอาจราคาถูกกว่าๆวันแรกนะครับ โดยเฉพาะ ThumbDrive คับ 55+) แต่ก้ระวังของหมดก่อนล่ะ

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าคับ

ความรู้รอบตัว ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้...

1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง...
2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง...
3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม...
4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์
5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน... 6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์...
7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้...
8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3 ครั้งในชีวิต...
9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย...
10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว...
11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้...
12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน...
13.ฮิปโปผายลมทางปาก...
14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ...
15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...
16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อสอบ"...
17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา...
18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน...
19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ...
20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที
21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...
22.เม่นชอบช่วยตัวเอง...
23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...
24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...
25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...
26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...
27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
29.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว
31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed
32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
33.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม 35.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น
36.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ
37.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง
38.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)
39.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต
40. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็มาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว
41.การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700 เท่าตัว
42.ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา
43.เหมือนกับลายนิ้วมือ....ลายลิ้นทุกคนต่างกัน
44.นิตยสาร time ได้ยกย่องให้คอมพิวเตอร์เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ.1982
45.สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปีพวกเขาทำสถิติไว้ที่ 30.59.27 ชม.
46.ตอนที่ F4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100 คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2
47.บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต
48.โดนั ลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน
49.ภาพยนต์เรื่อง nothing hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ ( 45 ล้านบาท)
50.หนังอนิเมชันเรื่อง SouthPark ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128 ครั้ง
51.ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู
52.ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม
53.จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝักจะเป็นเลขคู่
54.จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้
57.ยุงชอบเลือดเด็กมากกว่าเลือดผู้ใหญ่
58.แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว 59.ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง
60.เม่นทุกตัวลอยน้ำได้
61.หมู มีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
62.นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ "เฟรนช์คิส" ได้ด้วย 63.คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี
64.Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ
65.ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิตและโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ
66.แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เปนของเหลว
67.สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด 68.เลือดของกุ้งมังกรเปนสีน้ำเงิน
69.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา
70.รู้หรือเปล่าว่าเว็บgoogleไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ (ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูจิ)

(ถ้าสังเกตดีๆ ลองดูว่าข้อไหนหายไปนะคับ 55+)

ที่มา http://www.oknation.net/blog/maomao2/2007/09/01/entry-1

พงศธร(พง)

โปรแกรมฐานข้อมูลที่นิยมใช้


โปรแกรมฐานข้อมูล เป็นโปรแกรมหรือซอฟแวร์ที่ช่วยจัดการข้อมูลหรือรายการต่าง ๆ ที่อยู่ในฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ การเรียกใช้ การปรับปรุงข้อมูล

โปรแกรมฐานข้อมูล จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโปรแกรมฐานข้อมมูลที่นิยมใช้มีอยู่ด้วยกันหลายตัว เช่น Access, FoxPro, Clipper, dBase, FoxBase, Oracle, SQL เป็นต้น โดยแต่ละโปรแกรมจะมีความสามารถต่างกัน บางโปรแกรมใช้ง่ายแต่จะจำกัดขอบเขตการใช้งาน บ่งโปรแกรมใช้งานยากกว่า แต่จะมีความสามารถในการทำงานมากกว่า


โปรแกรม Access นับเป็นโปรแกรมที่นิยมใช้กันมากในขณะนี้ โดยเฉพาะในระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถสร้างแบบฟอร์มที่ต้องการจะเรียกดูข้อมูลในฐานข้อมูล หลังจากบันทึกข้อมูลในฐานข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จะสามารถค้นหาหรือเรียกดูข้อมูลจากเขตข้อมูลใดก็ได้ นอกจากนี้ Access ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยการกำหนดรหัสผ่านเพื่อป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลในระบบได้ด้วย


โปรแกรม FoxPro เป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด เนื่องจากใช้ง่ายทั้งวิธีการเรียกจากเมนูของ FoxPro และประยุกต์โปรแกรมขึ้นใช้งาน โปรแกรมที่เขียนด้วย FoxPro จะสามารถใช้กลับ dBase คำสั่งและฟังก์ชั่นต่าง ๆ ใน dBase จะสามารถใช้งานบน FoxPro ได้ นอกจากนี้ใน FoxPro ยังมีเครื่องมือช่วยในการเขียนโปรแกรม เช่น การสร้างรายงาน


โปรแกรม dBase เป็นโปรแกรมฐานข้อมูลชนิดหนึ่ง การใช้งานจะคล้ายกับโปรแกรม FoxPro ข้อมูลรายงานที่อยู่ในไฟล์บน dBase จะสามารถส่งไปประมวลผลในโปรแกรม Word Processor ได้ และแม้แต่ Excel ก็สามารถอ่านไฟล์ .DBF ที่สร้างขึ้นโดยโปรแกรม dBase ได้ด้วย


โปรแกรม SQL เป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่มีโครงสร้างของภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีประสิทธิภาพการทำงานสูง สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้โดยใช้คำสั่งเพียงไม่กี่คำสั่ง โปรแกรม SQL จึงเหมาะที่จะใช้กับระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ และเป็นภาษาหนึ่งที่มีผู้นิยมใช้กันมาก โดยทั่วไปโปรแกรมฐานข้อมูลของบริษัทต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น Oracle, DB2 ก็มักจะมีคำสั่ง SQL ที่ต่างจากมาตรฐานไปบ้างเพื่อให้เป็นจุดเด่นของแต่ละโปรแกรมไป

ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่เพื่อนๆ กำลังเครียดกับวิชาสัมนากัน เราก็เลยนำโปรแกรมฐานข้อมูลมาให้ลองอ่านกันดู เพื่อเพื่อนๆจะนำโปรแกรมฐานข้อมูลไปเลือกใช้ ตัดสินใจ กับปัญหาพิเศษของเพื่อนๆกัน
นิติรัตน์(นิ)