วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การปฏิบัติตนเพื่ออายุยืน

ในยุคเศรษกิจตกต่ำ คนจำนวนมากต้องทำงานหนักเพื่อหารายได้ที่จะนำมาใช้ในการดำรงชีวิตให้อยู่รอด จนละเลยการดูแลสุขภาพของตนเอง ละเลยต่อการออกกำลังกาย ซึ่งสิ่งหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคภัยไขเจ็บตามมา บางคนดูแลสุขภาพโดยพึ่งอาหารเสริมที่มีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณ ทำให้ต้องเสียเงินทองซื้อมาในราคาแพงเพื่อหวังให้ตนเองสุขภาพดี วิธีการเหล่านี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก การที่จะทำตนให้มีสุขภาพที่ดีนั้นต้องหาวิธีที่จะปรับสภาวะสมดุลของทั้งร่างกายและจิตใจให้เหมาะสม เมื่อสุขภาพร่างกายดีชีวิตก็จะยืนยาว วิถีการปฏิบัติตนเพื่อจะให้มีชีวิตยืนยาวนั้นมีหลักปฏิบัติ 2 ทาง คือ การปฏิบัติทางกายและปฏิบัติทางใจ



การปฏิบัติทางกาย

การปฏิบัติทางกายประกอบด้วยการกิน การออกกำลังกายและการพักผ่อน การกินอาหารที่ดี และงดอาหารที่ไม่ดี อาหารที่ดีได้แก่อาหารสะอาด มีประโยชน์ต่อร่างกายและเหมาะสมกับวัย วัยเด็กต้องกินอาหารมากเพราะเด้กๆ คึกคักว่องไว วิ่งเดินมาก เปลืองพลังงานและยังต้องสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อเพื่อเติบโต เด็กจึงต้องกินมากๆ และกินอาหารที่มีประโยชน์ ส่วนผู้ใหญ่นั้นการเติบโตสิ้นสุดแล้ว การกระโดดโลดเต้นก็มีน้อย ความต้องการอาหารจึงลดลง นอกจากนั้นเมื่ออายุเข้าวัยกลางคน อาหารประเภทมันมากและหวานจัด กลายเป็นสิ่งไม่ค่อยเหมาะสม จึงควรกินให้น้อยลง เพื่อป้องกันสาเหตุของโรคแทรกซ้อนบางประการ


การออกกำลังกายที่ดีจะต้องไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหมหรือนานเกินไป ถ้าต้องการความแข็งแรงของหัวใจปอด ควรออกกำลังกายแค่วันละ 20-30 นาที โดยออกกำลังกายแบบ interval training คือการออกกำลังกายแบบพักเป็นช่วงๆ โดยเริ่มต้นจากการอบอุ่นร่างกายก่อนประมาณ 5 นาที แล้วออกกำลังเต็มที่หรืออย่างหนัก 2 นาที แล้วพัก 1-2 นาที การออกกำลังกายอย่างหนักคือใช้กำลัง 80-90% ของความสามารถของเราที่ทำได้เต็มที่ ทำสลับกันไปแบบนี้เป็นเวลาทั้งหมด 20-30 นาที การออกกำลังกายแบบช่วงนี้จะช่วยละลายไขมันในตัวเราและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ช่วยทำฝห้หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น
การพักผ่อนได้แก่การนอน เรื่องนี้มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการกินอาหารเท่าใดนัก เนื่องด้วยเป็นโอกาสที่ร่างกายจะฟื้นสภาพจากความเหน็ดเหนื่อยและซ่อมแซมส่วน บุบสลายหรือสึกหรอให้กลับคืนเป็นปกติจากที่กล่าวไปพบว่าทั้ง 3 ปัจจัย คือ การกิน การออกกำลังกายและการพักผ่อน เป็นการฝึกฝนและอนุรักษ์เพื่อสร้างองค์ประกอบที่จำเป็นของร่างกายให้อยู่ อย่างสมดุล หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปนานๆ ก็จะทำให้ร่างกายเกิดเสื่อมโทรมในที่สุด

การปฏิบัติทางใจ
การปฏิบัติทางใจหรือทางจิตได้แก่การรักษาให้จิตสงบ เรื่องนี้เป็นข้อที่ยากที่สุด เนื่องจากต้องฝืนธรรมชาติของจิต จิตมนุษย์และสัตว์คอยแต่จะโลดแล่นไปมา จับโน่นทีนี่ทีอยู่ตลอดเวลา อาการเช่นนี้ทำให้จิตไม่อยู่สุข ไม่ได้พักผ่อน ต้องอ่อนกำลังและไม่สามารถจะจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้เป็นเวลานาน จิตที่เป็นอย่างนี้ย่อมมีประสิทธิภาพต่ำ และทำให้กายตกต่ำไปด้วย ทั้งนี้เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว เมื่อนายโลเลสั่งการอย่างโน้นทีอย่างนี้ทีบ่าวก็ไม่ได้พัก ผลย่อมเสื่อมสรรถภาพไปด้วย การทำให้จิตสงบเช่นวิธีทำสมาธิตามแนวพระพุทธศาสนา นอกจากทำให้จิตสงบได้ดียังช่วยให้กายสดชื่นและแข็งแรง


จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติตนเพื่อให้มีอายุยาวไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลยเพียงแค่ปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีพของเราใหม่ พยายามหักห้ามจิตใจเราไม่ให้ตามใจปากนัก ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากนี้การพยายามทำตัวเองให้อารมณ์ดีอยู่เสมอ ไม่โกรธใครง่ายๆ ก็ถือว่าเป็นเคล็ดลับของผู้สูงอายุในปัจจุบันด้วย ปัจจุบันมีองค์กรหลายๆ ที่ซึ่งสามารถให้ความรู้เพื่อให้เราสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้อย่างยาวนานและที่สำคัญมีสุขภาพดีด้วย

ที่มา : http://www.vcharkarn.com/varticle/39128

~~หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆนะคะ รักสุขภาพกันให้มากๆอายุจะได้ยืนนาน~~

พรรณราย (แมม)

9 เทคนิคฝึกสมองไบรท์

ใครอยากสมองไบรท์ฟังทางนี้ เดลินิวส์ออนไลน์มี 9 เทคนิคฝึกสมองไบรท์มาบอก...

1. จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very often) สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

2. กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3) คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day) หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile) ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day) ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึก ๆ (Deep breath) สมองใช้ออกซิเจน 20 25% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

แหล่งที่มา : http://health.deedeejang.com/news/466.html

พงศธร(พง)

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สนมวอนเฉพาะกิจ ~~~ "ความกลัว !!!...บอกอะไรกับคุณได้บ้าง ?"

มาอีกแล้วครับ กับแบบทดสอบ ของสนมวอน อิอิ

คราวนี้วัดจาก "ความกลัว"

จะเป็นยังไงนั้น เชิญทำกันได้เลยนะครับ

แล้วก็รอคำตอบ ทาง อีเมล์ ของคุณได้เลยครับ

แล้วเจอกันใหม่นะครับ สนมวอนจะพยายาม หาอะไรมาเล่น อีก เรื่อย ๆ ครับ

สนมวอน...












GooD_kNIGHT ServicE Co.,Ltd.

sanom_WON : Mr.Pattthaworn Rodpila
Address : Room 407 85/258 Serithai 9soi.(Rodanan I) Serithai Rd.Buengkum BKK 10240
Tel : 0874252176
10:18 pm 07302009

การปรับปรุงน้ำมันดีเซลโดยเติมอนุภาคนาโน

สวัสดีครับเพื่อนๆเจอกันอีกเเล้ว

พูดถึงราคานำมันในปัจจุบันก็มีเเต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (น่าเศร้า)

ในความพยายามที่จะปรับปรุงเชื้อเพลิงเหลวให้มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเพิ่มขึ้นนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าการเติมอนุภาคนาโนของอลูมิเนียม หรืออลูมิเนียมออกไซด์ลงในเชื้อเพลิงดีเซลจะสามารถทำให้คุณสมบัติในการจุดระเบิด (Ignite) ดีขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากการทดลองของมหาวิทยาลัยอริโซนาสเตท โดยวิศวกรเครื่องกล นายแพรทริค พีแลน และคณะ

การทดลองดังกล่าวใช้เชื้อเพลิงดีเซลที่เติม 0.1 เปอร์เซ็นต์ของอนุภาคนาโนอลูมิเนียมหรืออนุภาคนาโนอลูมิเนียมออกไซด์ซึ่งพบว่ามีการเผาไหม้ได้ดีที่อุณหภูมิต่ำกว่า การใช้น้ำมันดีเซลบริสุทธิ์ นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการเติมอนุภาคนาโนในน้ำมันดีเซลจะไปปรับปรุงคุณสมบัติในการกระจายความร้อน (Radiative properties) ตลอดจนความสามารถการถ่ายเทมวลและความร้อนของน้ำมัน อนุภาคนาโนจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเป็นไปได้ (Probability) ที่หยดน้ำมันแต่ละหยดจุดระเบิดที่อุณหภูมิ 700 °C โอกาสที่จะเป็นไปได้ดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นจาก 15 เปอร์เซ็นต์ในน้ำมันดีเซลบริสุทธิ์ไปสู่ 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ในน้ำมันดีเซลที่ผสมอนุภาคนาโน นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพิจารณาขนาดของอนุภาคนาโนของอลูมิเนียมออกไซด์ขนาดต่างกันและพบว่าขนาดของอนุภาคที่ 50 นาโนเมตรจะทำให้น้ำมันดีเซลจุดระเบิดได้ดีกว่าที่ใช้อนุภาคนาโนขนาด 15 นาโนเมตร ทั้งนี้การทดสอบกระทำที่ช่วงอุณหภูมิต่ำ

ปัจจุบันบริษัท Oxonica ได้ผลิตสาร Envirox ซึ่งเป็นสารเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) ทำจากอนุภาคนาโนของซีเรียมออกไซด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อเพลิง และจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ERP & EDI เหมือนกันหรือต่างกันตรงส่วนไหน ???

เนื้อหาครั้งนี้นำเสนอเรื่อง EDI เป็นหลักก่อน เริ่ม….

EDI ย่อมาจาก Electronic Data Interchange คือ ระบบการเปลี่ยนข้อมูลที่ผ่านด้วยระบบคอมพิวเตอร์ระหว่างองค์กร 2 องค์กรขึ้นไป สามามารถนำไปใช้ได้ทั้งองค์กรภายในและองค์กรภายนอก ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ เช่น ใบกำกับสินค้า (invoices) , ใบขนของ (Bill Of Lading) , และใบสั่งซื้อสินค้า (Purchase Orders)

และปัจจุบันนี้เริ่มมีหลายบริษัทหลายองค์กรที่นำเอาระบบ EDI เข้าไปใช้ ตัวอย่างเช่น Customs Declaration (กรมศุลกากร – การนำเข้าส่งออกสินค้า) , Purchase Order , Invoice (ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง – การซื้อสินค้า , รายการสินค้า) Payments (ธนาคาร – การชำระเงินระหว่างองค์กร) Manifest , Bill of Lading , Airway Bill (ธุรกิจขนส่ง – การไหลเวียนของสินค้าระหว่างท่าเรือ และ รวบรวมระบบท่าเรือกับผู้ขนสินค้าในประเทศ และระหว่างประเทศ) Letter of Credit (ผู้นำเข้า – ส่งออก – กระบวนการนำเข้าส่งออก) นี้คือข้อมูลบ้างส่วนที่ระบบ EDI มีเข้าเกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน

ส่วนต่อมาประโยชน์ที่นำ EDI ไปใช้ :

  • ประโยชน์ทางตรง: EDI ลดความจำเป็นในการพิมพ์เอกสารทางธุรกิจ, การส่งเอกสารให้คู่ค้า และการรับเอกสารจากคู่ค้ามาคีย์ข้อมูลเข้าระบบอีกครั้ง ดังนั้นอีดีไอจึงสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเตรียมเอกสาร, ค่าใช้จ่ายในการส่งและค่าใช้จ่ายในการจัดการเอกสารได้ รวมทั้งความผิดพลาดจากการคีย์ข้อมูลใหม่จะลดลง นอกจากนี้เวลาที่ใช้ในการส่งซึ่งลดลงมีผลทำให้วงจรธุรกิจสั้นลง
  • ประโยชน์ทางอ้อม: วงจรธุรกิจที่สั้นลงจะให้โอกาสในการพัฒนาการใช้เงินทุนหมุนเวียน วงจรการจัดหาที่สั้นลงทำให้จำนวนสต๊อกในคลังสินค้าลดลง EDI สามารถใช้ส่งข้อมูลการผลิตและข้อมูลสินค้าคงคลังไปให้ลูกค้าได้ EDI ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งได้โดยการเร่งขบวนการส่งสินค้าและรับสินค้า ด้วย EDI และการจ่ายเงินโดยใช้ระบบการโอนเงินด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fund Transfer: EFT) จะทำให้มีโอกาสในการพัฒนาขบวนการสั่งซื้อ
  • ประโยชน์ทางกลยุทธ์ : EDI จะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กร การพัฒนาการบริการลูกค้าทำให้องค์กรมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน เช่น การเข้าตลาดใหม่ การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ นอกจากนี้ EDI ยังเป็นกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดในสังคมธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์โลก โดยสามารถช่วยลดค่าโสหุ้ยได้

ส่วน EDI มาทดแทน ??? หรือไม่

  • เอกสารทางด้านการจัดซื้อ ได้แก่ ใบสั่งซื้อ (Purchase Order) ใบแจ้งหนี้ (Invoice) ใบเสนอราคา (Quotation)
    ใบแจ้งราคาสินค้า (Price/Sales Catalogue) เป็นต้น
  • เอกสารทางด้านการเงิน ได้แก่ ใบสั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน (Payment Order) ใบแจ้งการสั่งจ่าย (Remittance
    Advice) เป็นต้น
  • เอกสารทางด้านการขนส่ง ได้แก่ ใบตราส่ง (Bill of Lading) ใบจองตู้สินค้า (Booking) แผนผังการบรรทุกสินค้า
    ภายในเรือ (Bayplan) ใบสั่งปล่อยสินค้า (Delivery Order) เป็นต้น
  • เอกสารทางด้านการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ ใบขนสินค้า (Customs Declaration) บัญชีตู้สินค้า (Manifest)
    เป็นต้น

แถมไปเจอข้อมูล : กรณีศึกษา CAT-EDI กับการบริการลูกค้า ที่ทำให้ลูกค้าลดต้นทุน เป็นข้อมูลบ้างส่วน

CAT-EDI เป็นบริการที่ กสทจัดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเอกสารทางอิเลคทรอนิกส์ที่มีรูปแบบเอกสาร เป็นมาตรฐาน ที่แน่นอนระหว่างคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือ รวดเร็ว ประหยัด และมีความปลอดภัยในการรับ-ส่ง ข้อมูล ทั้งนี้ในปัจจุบัน กสท ได้นำ CAT-EDI มาให้บริการสำหรับการรับ-ส่งเอกสารสำหรับพิธีการศุลกากร โดยได้มีการพัฒนา ระบบการให้บริการ บนโปรโตคอล ebXML รองรับการรับ-ส่งเอกสารแบบ Paperless Customs ของกรมศุลกากร โดยการใช้งาน บนโปรโตคอล ebXML ของ กสท มีจุดเด่น ประกอบด้วย

สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ
ในยุคของการพัฒนาภาคธุรกิจของประเทศ ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้หน่วยงานต่างๆ หันมาให้ความสนใจกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการส่งข้อมูลระหว่างกันแล้ว ยังเป็นการลดต้นทุนโดยรวมของหน่วยงานด้วย ซึ่งขณะนี้กรมศุลกากรได้เปิดให้บริการยื่นเอกสารตาม พิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless Customs) บนระบบ ebXML ซึ่งระบบ ebXML นี้มีจุดเด่นสำคัญที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ คือ

ลดต้นทุนขององค์กร
การลดขั้นตอนของการเดินเอกสาร ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายโดยรวมของหน่วยงาน ประกอบกับ กสท ได้จัดโปรโมชั่น สุดพิเศษสำหรับการส่งเอกสาร Paperless Customs ในราคาถูกให้กับผู้ประกอบการได้เข้ามาใช้งาน โดยได้จัด Package ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับปริมาณการใช้งานของธุรกิจ

จะเห็นได้ว่าระบบ EDI มีประโยชน์และลดต้นทุนทางธุรกิจ แถมประหยัดขั้นตอนในดำเนินงานยุ่งยากออกไป และระบบ EDI เป็นรากฐานในพัฒนาไปสู่ E-commerceในการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ และในเนื้อหาตอนต่อไปจะำนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ EPR


icon_pr2 ข้อมูลบ้างส่วน : Solutions Corporation Limited และ CAT Telecom

credit: http://www.logisticafe.com/2009/07/p-edi-เหมือนกันหรือต่างกัน/


สืบเนื่องจากว่านอนไม่หลับเลยหาบทความดีๆมาให้อ่านกัน


อันนี้เป็นตอนแรกก่อนนะ จะพูดเรื่อง EDI ก่อน


จริงๆแล้วยังมีเรื่องที่อยากจะโพสอีกสองสามเรื่อง


เอาไว้โอกาสต่อไปแล้วกัน

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ

สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้ เรานำความรู้ ดีดีมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน วันนี้เป็นภาษาไทยแห่งชาติ เพื่อนบางคนอาจจะยังไม่ทราบประวัติความเป็นมา
ของวันภาษาไทย ก็เลยได้นำความรู้ดีดีมาให้อ่านกัน

รู้กันหรือไม่ว่าภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ก็มีวันที่ระลึกถึงภาษาไทยของเราด้วยเหมือนกัน โดยในวันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี ประเทศไทยได้กำหนดให้เป็น "วันภาษาไทยแห่งชาติ"
ความเป็นมาของวันภาษาไทยแห่งชาติ
สืบเนื่องจากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย และมีความห่วงใยในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อภาษาไทย รวมถึงเพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทั้งชาติได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป จึงได้เสนอขอให้รัฐบาลประกาศให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็น วันภาษาไทยแห่งชาติ เช่นเดียวกับวันสำคัญอื่นๆ ที่รัฐบาลได้จัดให้มีมาก่อนแล้ว เช่น วันวิทยาศาสตร์,วันสื่อสารแห่งชาติ เป็นต้น และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 เห็นชอบให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ
วัตถุประสงค์ในการจัดวันภาษาไทยแห่งชาติ มีดังต่อไปนี้
1. เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์และนักภาษาไทย รวมทั้งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้ทรงแสดงความห่วงใย และพระราชทานแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย
2. เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542
3. เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติ ให้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือร่วมใจกันทำนุบำรุงส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ ให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป
4. เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการใช้ภาษาไทย ทั้งในวงวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งเพื่อยกมาตรฐานการเรียนการสอนภาษาไทยในสถานศึกษาทุกระดับ ให้มีสัมฤทธิผลยิ่งขึ้น
5. เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐฯ และเอกชนทั่วประเทศ มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อเผยแพร่ความรู้ภาษาไทยในรูปแบบต่างๆ ไปสู่สาธารณชน ทั้งในฐานะที่เป็นภาษาประจำชาติ และในฐานะที่เป็นภาษาเพื่อการสื่อสารของทุกคนในชาติ

ประโยชน์ที่คาดว่าได้รับจากการมีวันภาษาไทยแห่งชาติ
1. วันภาษาไทยแห่งชาติ จะทำให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐฯ และเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ และทบวงมหาวิทยาลัย ตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย และร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเตือน เผยแพร่ และเน้นย้ำให้ประชาชนเห็นความสำคัญของ "ภาษาประจำชาติ" ของคนไทยทุกคน และร่วมมือกันอนุรักษ์การใช้ภาษาไทยให้มีความถูกต้องงดงามอยู่เสมอ
2. บุคคลในวงวิชาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาไทย โดยเฉพาะในวงการศึกษา และวงการสื่อสาร ช่วยกันกวดขันดูแลให้การใช้ภาษาไทยเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม มิให้ผันแปรเปลี่ยนแปลง จนเกิดความเสียหายแก่คุณลักษณะของภาษาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ
3. ผลสืบเนื่องในระยะยาว คาดว่าปวงชนชาวไทยทั่วประเทศจะตื่นตัวและสนใจที่จะร่วมกันฟื้นฟู ทำนุบำรุง ส่งเสริมและอนุรักษ์ภาษาไทย อันเป็นเอกลักษณ์และสมบัติวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติให้ดำรงคงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป
คุณชายจิรยุทธ (หยก)

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อันตราย 7 อย่าง...!! ในผู้หญิงสูบบุหรี่

หลังจากที่เพื่อนๆหลายคนได้ โพส ข้อความความรู้ไปมากมาย วันนี้ผมอยากจะขอนอกเรื่องซักนิดนึง เพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจแก่ผู้หญิงในปัจจุบัน เนื่องจากผู้หญิงไทยในปัจจุบันนั้นหันมาสูบบุหรี่กันมากขึ้น ซึ่งผมจะขอนำเข้าบทความที่น่าสนใจอันนี้เลยดีกว่า


7 ความเสี่ยงของผู้หญิงสูบบุหรี่

1. อวัยวะภายนอกและภายในจะแก่ก่อนวัยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่เฉลี่ย 10 ปี
2. เสี่ยงที่เป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 10 เท่า
3.มีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้นอย่างมากพบว่าผู้หญิงที่สูบบุหรี่จะเกิดอาการหัวใจล้มเหลวมากกว่าผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ 2-6 เท่า และมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายกะทันหันเพิ่มขึ้น 20 เท่า
4. เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปถึง 4 เท่า เพราะการสูบบุหรี่ ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
5. มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่เลิกสูบบุหรี่แล้วถึงร้อยละ 25
6.เสี่ยงต่อการเป็นโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เพิ่มขึ้นมากกว่าผู้หญิงทั่วไปอีก 1 เท่า เพราะนิโคตินไปทำลายกล้ามเนื้อที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้น เมื่อสูบบุหรี่เข้าไปจะทำให้กล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะอ่อนตัวลง ผู้ที่สูบบุหรี่จึงมีโอกาสกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
7.ผู้หญิงที่สูบบุหรี่และรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นประจำมีโอกาสเกิดอาการเส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันหรือหัวใจวายสูงขึ้น 39 เท่า มีอัตราการตายมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ที่กินยาคุมกำเนิดถึง 3 เท่าตัว เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษที่ทำปฏิกิริยากับยาคุมกำเนิด มีผลให้เลือดแข็งตัวง่ายขึ้น และเกิดการอุดตันของหลอดเลือดง่ายขึ้น
จากบทความดังกล่าว นั้นยังมีอันตรายของบุหรี่อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอดฯลฯ บางคนนั้นมีความคิดว่าสูบหรี่แล้วมันเท่ห์หรือมันจะสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ ผมคิดว่ามันไม่เป็นความจริงเลย ฉะนั้นทางที่ดีหากใครมีคนใกล้ตัวไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตาม บอกให้เค้าเลิกบุหรี่ซะเถิดครับ นอกจากจะขาดเสน่ห์ดูงดูดจากเพศตรงข้ามแล้ว ยังเสียบุคลิกภาพอีกต่างหาก ซึ่งบางคนก็อาจจะมีกลิ่นปากด้วย ฉะนั้นเลิกเถอะครับ ด้วยความปรารถนาดีนะครับ "ชีวิตมีคุณค่า เมื่อบอกลา...เลิกบุหรี่"
วรุตม์(เน)

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

~ รหัสผ่านยอดฮิต ~

สวัสดีครับ ในสัปดาห์นี้ ผมมีบทความบทหนึ่งมาฝากเพื่อนๆนะครับ เป็นบทความเกี่ยวกับการใช้รหัสผ่าน ซึ่งปัจจุบันมักจะใช้รหัสผ่านง่ายๆ เช่น 1234 ซึงการที่จะเดาคงไม่ยากแน่นอนสำหรับนัก hacker เพื่อนๆลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ เพื่อจะได้ข้อคิดอะไรได้บ้างในการตั้งรหัสผ่านของตัวเอง ^^

รณรงค์กันไม่รู้กี่รอบ แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องรหัสผ่านสักเท่าไร ทั้งที่ความจริงเป็นเรื่องที่ควรสนใจมากที่สุด
เว็บไซต์ส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัยโดยอิงจากจำนวนอักษรเป็นหลัก ซึ่งไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไร เพราะมีการเอาข้อความง่ายๆ มาใช้ หลายครั้งมีการแจ้งเตือนให้ทราบว่ารหัสผ่านที่ตั้งเอาไว้นั้นช่างเดาง่ายเสียเหลือเกิน แต่ผู้ใช้จำนวนมากก็ไม่สนใจ
และนั่นเป็นที่มาของการเก็บสถิติรวบรวมเอารหัสผ่านกว่า 28,000 รายการที่ถูกขโมยจากเว็บไซต์ในสหรัฐฯ มาวิเคราะห์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เชื่อว่าไม่ต่างจากนิสัยคนไทยซักเท่าไรตามที่ได้เคยสอบถามคนรู้จักหลายๆ คน
ลองมาดูกันว่า รหัสผ่านยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่ตั้งกันนั้น .. เดาได้ง่ายขนาดไหน
16 เปอร์เซ็นต์: ใช้ชื่อของตัวเองเป็นรหัสผ่าน บางทีก็อาจเปลี่ยนเป็นชื่อของลูกๆ หรือคนใกล้ชิดในครอบครัว เช่น สามี หรือภรรยา เป็นต้น
14 เปอร์เซ็นต์: ใช้รหัสผ่านแบบชุดแป้นพิมพ์ที่ติดกัน เช่น 1234, 123456, 1234567 หรือ qwerty เป็นต้น
5 เปอร์เซ็นต์: ใช้ชื่อดาราหรือตัวการ์ตูนโปรดมาแทนรหัสผ่าน
4 เปอร์เซ็นต์: คนที่เรียบง่ายเหล่านี้ใช้รหัสผ่านว่า password -- ตรงความหมายดี
3 เปอร์เซ็นต์: ใช้ถ้อยคำแสดงอารมณ์ความรู้สึก เช่น whatever, yes, no, iloveyou, ihateyou เป็นต้น
สรุปแล้ว 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้น ใช้รหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย และเดาได้ง่ายมาก ซึ่งจะนำพาไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขโมยข้อมูล หรือสร้างความเสียหายด้านการเงินจากแฮกเกอร์ที่ต้องการรหัสผ่านเป็นใบเบิกทาง
บริษัท Errata Security ที่ทำงานวิจัยชิ้นนี้แนะนำว่า รหัสผ่านที่ดีควรยาวเกิน 8 ตัวอักษร และมีทั้งตัวหนังสือ ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน
อ้อ! แล้วก็อย่าตั้งให้ยากเกินจนจำไม่ได้ เลยต้องติดรหัสผ่านเอาไว้ข้างๆ มอนิเตอร์ด้วยโพสต์อิต .. เพราะนั่นยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ครับ



เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับบทความในครั้งนี้ ดีไม่ดีอย่างไรสามารถ comment ได้นะครับ แต่ในความคิดเห็นผมนั้น เป็นเรื่องที่เราควรใส่ใจมากๆ ในเรื่องของการตั้งรหัสผ่าน เนื่องจากทุกวันนี้ ข้อมูลถือเป็นสิ่งจำเป็นในยุคนี้ ดังนั้นการที่จะป้องกันข้อมูลเพื่อไม่ให้รั่วไหล จึงจำเป็นต้องใช้รหัสในการป้องกัน หากเราไม่คำนึงถึงการตั้งรหัส ก็จะทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเจาะข้อมูลไปได้ ซึงจะสร้างความเสียหายในภายหน้าได้ ^^

อ้างอิงมาจาก http://www.arip.co.th/articles.php?id=407315

นพพล (โอ)

Skill ที่คน IT ควรมี

จากที่ได้คุยกับผู้ประกอบการหลายๆรายที่ทำทางด้าน Software Development และธุรกิจที่เกี่ยวกับ IT ปรากฎว่าปัจจุบันคุณภาพโดยรวมของบุคลากร IT ที่จบใหม่ลดลงเป็นอย่างมาก บทความนี้เลยขอพูดถึง ทักษะพื้นฐานที่เราๆ ท่านๆ ควรมีไว้เวลาทำงานจะได้ไม่ลำบาก


1. Technical Skill (ทักษะทางด้านเทคนิค) เกี่ยวกับวิชาชีพล้วนๆ ดังนี้

  • Database Skill พวก SQL Command และ DBA เบื้องต้นเพาะทุกโปรแกรม ทุกหน่วยงานล้วนต้องมีฐานข้อมูลไว้เก็บข้อมูลของตัวเอง ดังนั้นถ้าไม่เป็นอาจเค้าแย่ครับ พวกคำสั่ง select, insert, update, delete ออกสอบตอนสมัครงานก็บ่อยครับ
  • Windows Programming เลือกเอาซักภาษาตามถนัดเช่น C, C++, VB, VB.NET, C#.NET, JAVA ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและงานที่เจอ แถมได้พวก Algorithm เวลาเขียนไปด้วย ที่สำคัญดู Trend ด้วยว่าช่วงนี้ภาษาอะไรที่ตลาดต้องการ
  • Web Programming อันนี้แล้วแต่ชอบเหมือนกัน PHP, JSP, ASP.NET ถ้าต้องการแค่รับ Job เล็กๆ ก็เลือก PHP แต่ถ้าจะทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ ที่พัฒนาด้าน Enterprise Software ก็ควรเลือก JSP (J2EE) หรือ .NET ดีกว่าครับมีอนาคตดี
  • Report Tools ทุกงานต้องมีการแสดงรายงาน หัดใช้ดูซักตัวสองตัวได้ไม่ว่ากันครับ เช่น Crystal Report, iReport
  • MS.Office พวกโปรแกรมตระกูล Office ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น MS.Word(ทำเอกสาร), MS.Excel(ตารางคำนวณ), MS.Powerpoint(การนำเสนอ) และ MS.Access(ฐานข้อมูลขนาดเล็ก) มีหลายๆที่เหมือนกันที่ต้องการแค่งานเล็กๆ เขียนแค่ Macro หรือ VBEngine ใน MS.Excel หรือ MS.Access
  • การใช้พวกอุปกรณ์สำนักงาน เช่น Fax, Printer, Scanner, Copier บางคนใช้แต่คอมพ์แต่ส่ง Fax ไม่เป็นเสียเวลาไปอีก
  • OS และ Network เช่นการแก้ปัญหาเบื้องต้นเมื่อเจอ virus , การลงโปรแกรมใหม่ การแชร์ไฟล์เป็นต้น

2. Soft Skill (ทักษะด้านบุคลิคภาพ)

  • การนำเสนอ การพูดกับเพื่อน กับผู้ใหญ่ กับลูกค้า กับลูกน้อง พูดในที่ประชุม สำคัญต่อความก้าวหน้าในสายงานอย่างยิ่ง
  • การเขียนรายงาน การส่งเมล์ พวกนี้เค้ามีหลักวิธีปฏิบัติอยู่ทำเป็นเล่นไม่ได้นะครับ
  • การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ อย่าลืมว่าต้นไม้จะโตได้ต้องมีน้ำเลี้ยง และร่มเงาจากต้นไม้ต้นอื่นเกื้อกูลกัน
  • การทำงานเป็นทีม ค่อนข้างเป็นปัญหากับคนที่เก่งมากๆ ชอบฉายเดี่ยว ทำงานเป็นทีมไม่เป็น
  • การเจรจาต่อรอง ใช้ตั้งแต่ตอนสมัครงาน ทำงาน จนถึงออกจากงานเลยครับ

3. ทักษะด้านอื่นๆ

  • การ ศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าหยุดนิ่งถือว่าเรากำลังถอยหลัง เพราโลกไม่หมุนย้อนกลับ เช่น เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา J2ME, JEE5, Struts, Spring Framework, WebServices, BPEL ยังมีอีกมากที่ต้องค้นหา
  • การเข้าไปมีส่วนร่วมในโลก Cyber (Social Network & Community) มีผลกับภาพลักษ์ของเราเวลาสมัครงานหรือติดต่องานพอสมควร
การเป็นคนที่สมบูรณ์นั้น ต้องไม่อยู่นิ่ง มีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา

โดย: Mr.Mercury >>http://www.mercurysofts.com/2009<<

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สนมวอนเฉพาะกิจ ~~~ ข่าวด่วน !!! "แฟลชไดรฟ์ 256GB ตัวแรกของโลก"

สวัสดีคับบบบบบ ทุก ๆ คน

วันนี้ พอดี สนมวอนนั่งเร่น อ็อบเจ็กต์ ตัวใหม่ ๆ ของ google อยู่
ก็เปิดไปตรงข่าว เจอสิ่งที่มันสะดุดตา สะดุด ใจเอา มาก ๆ เรยยย

ก็เลย ลากมาให้เพื่อน ๆ ได้ อ่านกันน แฟลชไดร์ 256GB ตัวแรก ของโลกกกกกก โอ๊ว พระเจ้า !!!
เชิญอ่านกันได้ตามสบายเรยยยครับ


แฟลชไดรฟ์ 256GB ตัวแรกของโลก

Kingston ประกาศเปิดตัวแฟลชไดรฟ์รุ่นใหม่ Data Traveler 300 ที่มีความจุสูงถึง 256GB ภายใต้ตัวถังที่มีขนาดเล็กพกพาสะดวก ซึ่งต้องยกนิ้วให้กับความพยายามของคิงสตันที่สามารถเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้ด้วยการออกแฟลชไดรฟ์ที่มีความจุมากกว่าถึงสองเท่า!!!

หากถามว่า ความจุขนาด 250GB ของ Data Traveler 300 ทำอะไรได้บ้าง? เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือ มันสามารถเก็บภาพยนต์ที่บันทึกด้วย Blu-ray (แผ่นละ 25GB) ได้ 10 เรื่องสบายๆ หรือจะเป็น DVD ก็ได้ 54 แผ่น (แผ่นละ 4.7GB) และ CD ได้ 365 แผ่น (แผ่นละ 700MB) แถมยังมีความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงถึง 20MB/s และเขียนข้อมูลได้เร็ว 10MB/s ซึ่ง Gadget ชิ้นนี้จะทำให้คุณเหมือนพกฮาร์ดดิสก์ไว้ในกระเป๋าเสื้อได้อย่างสบายๆ






สำหรับ Data Traveler 300 ทำงานได้กับทั้ง PC และ Mac แต่เฉพาะการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ที่รัน Windows เท่านั้น ผู้ใช้จึงจะสามารถใช้ซอฟต์แวร์จัดการพาสเวิร์ดได้ สนนราคาของมันอยู่ที่ 900 เหรียญฯ หรือประมาณ 33,000 บาท โอ้ว...มายก็อด!!!

ที่มา : http://www.rssthai.com/reader.php?t=it&r=14652


ที่จะบอก ก็มีเท่านี้ก่อนละกันนะครับ

ส่วนสนมวอน ขอเวลา ไปกรี๊ดดดดดด และไว้อาลัยให้กับ แฟลชไดร์ 256GB สัก 3 นาที 55555+

ปล. สนมวอนยังมีแฟลชไดร์ 128MB อยู่ที่ตัวนะขั๊บ จำได้ว่ามีคนเห็นแร้วบอกว่ามันคือ..."วัตถุโบราณ"


สวัสดีครับ

สนมวอน... เวอร์ชั่น นิว ฟอแมท

POST BY :


GooD_kNIGHT ServicE Co.,Ltd.

sanom_WON : Mr.Pattthaworn Rodpila


Address : Room 407 85/258 Serithai 9soi.(Rodanan I) Serithai Rd.Buengkum BKK 10240

E-mail : sanomwon77@gmail.com

MSN : Good_kNIGHT0077@hotmail.com

Homepage : http://marz-and-venuz.hi5.com/

Blog : http://sanomwon.blogspot.com/

Tel : 0874252176

11 :53pm 07262009


กูเกิลโชว์แผน "Google Chrome OS" ลุยระบบปฏิบัติการสำหรับพีซี

หลังจากเปิดตัวระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา กูเกิล (Google) ประกาศว่ากำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในขณะนี้ เท่ากับการเป็นคู่แข่งระหว่างกูเกิลและไมโครซอฟท์ (Microsoft) จะทวีความเข้มข้นขึ้นอีกในอนาคต

กูเกิลแถลงว่าระบบปฏิบัติการของกูเกิลจะมีพื้นฐานอยู่บนเว็บเบราเซอร์ "โครม (Chrome)" ใช้ชื่อเรียกในขณะนี้ว่า Google Chrome OS โดยจะสร้างด้วยชุดคำสั่งมาตรฐานเปิด กลุ่มเป้าหมายสำคัญคือคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ก (คอมพิวเตอร์พกพาตัวเล็กที่มีราคาต่ำกว่า คุณสมบัติน้อยกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก)

กูเกิลระบุว่าต้องการคิดใหม่ว่าระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่แท้จริงควรจะ เป็นอย่างไร โดยคาดว่าคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กระบบปฏิบัติการกูเกิลจะสามารถเริ่มวางตลาดได้ ในช่วงกลางปีหน้า

จุดสำคัญที่กูเกิลจะพัฒนาให้ Google Chrome OS คือความเร็ว ความง่าย และความปลอดภัย โดยกูเกิลยืนยันว่าจะพัฒนาให้ระบบปฏิบัติการสามารถทำงานได้เร็วและไม่กิน ทรัพยากรมาก ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาให้เครื่องสามารถเริ่มทำงานและเปิดเว็บเพจบนโลกออนไลน์ ได้ใน 2-3 วินาที

กูเกิลบอกว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้มาจากแนวคิดที่ว่า คอมพิวเตอร์จำเป็นต้องดีกว่านี้ "เพราะผู้บริโภคต้องการให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เร็วเหมือนตอนแรกที่ ซื้อมา พวกเขาต้องการเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตได้แบบทันที ซึ่งตอนนี้ เราต้องการความช่วยเหลือจากสังคมโอเพ่นซอร์สอย่างมากในการทำให้วิสัยทัศน์ นี้ประสบความสำเร็จ"

กูเกิลยืนยันว่า Google Chrome OS จะเป็นคนละส่วนกับระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่นามแอนดรอยด์ (Android) ไม่ระบุรายละเอีอยดทีมนักพัฒนา แต่เชื่อว่ามีจุดยืนใกล้เคียงกัน

"Google Chrome OS ถูกสร้างเพื่อคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโลกออนไลน์ และถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการจัดการพลังงานทุกระดับในเครื่อง คอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เน็ตบุ๊กขนาดเล็กจนถึงคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเต็มรูปแบบ ที่สำคัญ การสร้างแอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ตจะไม่ต้องถูกจำกัดเพราะมาตรฐานของระบบ ปฏิบัติการอีกต่อไป"

ที่มา : http://www.itubon.com/

สิทธิลักษณ์(ฟีล์ม)

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อาชีพ...สำหรับผู้จบ I.T.

เรียนจบสายไอทีแล้ว จะไปทำงานอะไรได้บ้าง ?

คำถามนี้อาจค้างคาใจ หลายคนที่กลายเป็นบัณฑิตหมาดๆ ด้วยเนื้อหาการเรียนที่กว้าง และครอบคลุมในทุกเซ็กเมนท์ของสายงานไอที แล้วเราจะไปทางไหนดีนะ...วันนี้ เรามี 8 ตัวอย่างงานที่บัณฑิตใหม่ไอทีน่าจะสนใจในหลากหลายธุรกิจมาฝากกัน เผื่อจะเป็นแนวทางให้น้อง ๆ ได้ค้นหาตัวเองให้เจอว่า มีงานอะไรบ้างที่บัณฑิตใหม่สายไอทีสามารถทำได้ไปติดตามกันได้เลย

1. โปรแกรมเมอร์ (Programmer)


เชื่อ ว่าโปรแกรมเมอร์เป็นงานในฝันของน้องๆ หลายคน การจะเป็นโปรแกรมเมอร์ในยุคนี้ ทราบแต่เพียงทฤษฎีอย่างเดียวคงไม่ได้ ควรมีภาษาที่ถนัดของตัวเองสักภาษา เช่น ภาษา C, VB, ASP, ฯลฯ และควรมีผลงานมานำเสนอด้วย ที่สำคัญ คนที่ต้องการงานในสายงานนี้ ควรชอบเขียนโปรแกรม-ชอบพัฒนาแอปพลิเคชัน มีแนวคิดใหม่ๆ เสมอ และที่สำคัญต้องขยันศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อย่างต่อเนื่อง


2. ผู้ดูแลระบบสารสนเทศ (Administrator)


ตำแหน่ง ผู้ดูแลระบบอาจมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น อาจเรียกเป็นฝ่ายซัปพอร์ต ฯลฯ งานในตำแหน่งผู้ดูแลระบบอาจไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับนโยบายขององค์กร บางบริษัทอาจหมายรวมถึงการซ่อมพรินเตอร์ ซ่อมสแกนเนอร์ ลงโอเอส ลงไดรเวอร์ แต่บางบริษัทก็อาจเป็นงานดูแลเซิร์ฟเวอร์ ทำแบ็คอัปข้อมูลโดยเฉพาะ คนที่อยู่ในสายงานนี้ต้องเตรียมตัวรับมือภัยคุกคามไว้เสมอ เพราะจะต้องวิ่งวุ่นหาทางแก้ไขจนกว่าจะสำเร็จ


3. นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst)


รูป แบบงานของนักวิเคราะห์และออกแบบระบบคือการศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการของลูกค้า และนำมาพัฒนาเป็นฐานข้อมูล ระบบงานขององค์กรโดยรวม นอกจากนั้น ฝ่ายวิเคราะห์และออกแบบจะต้องมีสายตาที่กว้างไกล และมองไปถึงอนาคต เพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงองค์กรให้พร้อมในทุกๆ ด้าน


4. นักข่าวสายไอที

ใคร คิดจะมาทำอาชีพนี้ต้องทำใจหน่อย เพราะว่ารายได้-เงินเดือนอาจไม่เท่าเพื่อนๆ ที่ทำงานตามสายที่เรียนมา ข้อแนะนำคือถ้ามาทำสายนักข่าวก็ต้องมีพื้นความรู้ด้านไอทีที่ดีพอสมควร และควรขยันอ่านหนังสือพิมพ์ให้มากๆ จะได้เรียนรู้สำนวน ภาษาของนักข่าวคนอื่นๆ ว่าเขาเขียนกันอย่างไร จะได้สู้เขาได้

เนื้องานจะ เน้นที่การเขียนข่าว ทำข่าวเป็นหลัก และด้วยรูปแบบงานจะช่วยให้เราได้เปิดโลกทัศน์ตลอดเวลา แต่น้องๆ ที่จะก้าวสู่งานนี้ควรมีมนุษยสัมพันธ์ดี บางคนที่ไอทีจ๋า และพูดภาษาธรรมดาไม่ค่อยได้ก็อาจต้องฝึกฝนตัวเอง เพราะจะทำให้สื่อสารกับคนอื่นได้ยาก นอกจากนั้นก็ต้องไม่ขี้เกียจหรือกินแรงคนอื่นด้วยนะจ๊ะ


5. บรรณาธิการนิตยสารไอที

ปัจจุบัน หนังสือนิตยสารไอทีผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ไม่แปลกหากคนไอทีจะก้าวมาทำงานในฐานะบรรณาธิการ เขียนบทความ ฯลฯ ที่สำคัญ งานนี้ก็ได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ไม่แพ้งานอื่นๆ เช่นกัน รูปแบบการทำงานนิตยสารไอทีมักเป็นการเขียนบทความ ทดสอบผลิตภัณฑ์ สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทต่างๆ โดยในแต่ละเล่มมักมีธีมประจำเล่ม ว่าเดือนนี้จะมีเรื่องใดเป็นเรื่องหลักของเล่ม เพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ คนรักงานนี้ต้องเป็นคนหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ไม่งั้นแพ้เขาแน่


6. นักออกแบบเว็บ (Web Designer)

สำหรับ คนที่รักงานด้านศิลปะ งานออกแบบ และเรียนมาทางด้านไอทีคงรักที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมอย่าง Macromedia Dreamweaver, Flash เป็นแน่แท้ โอกาสของการทำเว็บในช่วงนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง จะทำแบบเป็นฟรีแลนส์ก็ดี หรืองานในองค์กรก็ดี ถ้ามีฝีมือก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ยิ่งในปัจจุบัน หน่วยงานราชการต้องเร่งแต่งตัวรับยุคไอทีตามนโยบายรัฐบาล ยิ่งต้องมีการเร่งทำเว็บไซต์เพื่อให้บริการประชาชนเป็นการใหญ่ แต่ถ้าไม่สนใจเว็บเซอร์วิส ตลาดอีคอมเมิร์สก็ยังโตไม่เลิก เรียกว่ามีทางให้เลือกมากมายทีเดียว ขอให้มีฝีมือแล้วกัน


7. พนักงานขาย

การ เป็นพนักงานขายเป็นอีกตำแหน่งหนึ่งที่น่าสนใจ ปัจจุบันมีงานขายหลายประเภทที่ต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคเป็น ผู้อธิบาย เพื่อจะได้สร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้า เช่น เซิร์ฟเวอร์, โซลูชันไอที, ระบบซีเคียวริตี้, อุปกรณ์เน็ตเวิร์ก คนขายที่ดีควรจะเจรจาเก่ง มีวาทศิลป์ มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังได้ดี


8. คุณครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์

โลก แห่งการศึกษาเปิดกว้างออกอย่างนี้ วิชาคอมพิวเตอร์ก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่คนทุกรุ่นนิยมเรียน ไม่ว่าจะเป็นเด็กประถม วัยเริ่มต้นทำงาน วัยกลางคน หรือคุณตาคุณยายที่มาเรียนยามว่าง ถ้าเป็นคนชอบการถ่ายทอด และสามารถสอนได้ดี ก็ยิ่งช่วยให้เส้นทางสายนี้ก้าวไปได้ไกลมากขึ้น

เชื่อ ว่า หลายคนอาจมีความชอบในใจเป็นทุนอยู่แล้ว ลองหาธุรกิจที่เหมาะสมกับใจของเราดู เพื่อที่จะได้ทำงานในสาขาอาชีพนั้นอย่างมีความสุข

ที่มา http://gotoknow.org/blog/bunpodp/265056

ณัฐพล(ท๊อป)

Microsoft Security Update for July 2009

Microsoft Security Update for July 2009

ไมโครซอฟท์ซีเคียวริตี้อัพเดทของเดือนกรกฎาคม 2552


ไมโครซอฟท์ ซีเคียวริตี้อัพเดทประจำเดือนกรกฎาคม หรือที่เรียกกันทั่วไปในหมู่แอดมินว่า "Patch Tuesday" มีจำนวน 6 อัพเดท โดยเป็นอัพเดทเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องร้ายแรงของ Windows (ทั้งส่วนเครื่องไคลเอ็นต์และเวิร์ฟเวอร์) จำนวน 3 ตัว เป็นอัพเดทของ Virtual PC/Virtual Server, ISA และ Publisher โปรแกรมละ 1 อัพเดท

อย่าง ไรก็ตาม ถึงจะมีแค่ 6 อัพเดท แต่ก็เป็นอัพเดทที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นอัพเดทสำหรับแก้ไขจุดบกพร่องร้ายแรงในระบบ Windows โดยมี 2 อัพเดท ที่เป็นอัพเดทสำหรับแก้ไขจุดบกพร่องร้ายแรงที่พบใน Internet Explorer ซึ่งไมโครซอฟท์ได้ออกประกาศเตือนไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 และ 6 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ แอดมินทุกท่านรวมถึงผู้ใช้ทั่วไปก็อย่าลืมทำการอัพเดทให้เรียบร้อยกันนะครับ

รายละเอียด
วัน ที่ 14 กรกฎาคม 2552 ไมโครซอฟท์ได้ออก "Microsoft Security Update for June 2009" หรือที่รู้จักกันในหมู่แอดมินว่า "Patch Tuesday" จำนวน 6 ตัว โดยมี 3 อัพเดทที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical) และ 3 อัพเดทที่มีความร้ายแรงสูง (Important) สำหรับรายละเอียดการอัพเดทและรายชื่อโปรแกรมที่ได้รับผลกระทบ มีดังนี้

• อัพเดทที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติ (Critical)
อัพเดทที่มีความร้ายแรงระดับวิกฤติมีจำนวน 3 ตัว ดังนี้
• MS09-029 สำหรับแก้ไขจุดบกพร่องของ Windows
• MS09-028 สำหรับแก้ไขจุดบกพร่องของ Windows
• MS09-032 สำหรับแก้ไขจุดบกพร่องของ Windows

หมายเหตุ: เรียงตามหมายเลข Bulletin

Microsoft Security Bulletin 1: Windows1
MS09-029: Vulnerabilities in Microsoft DirectShow Could Allow Remote Code Execution (971633)
อัพเดทลิงค์: http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms09-029mspx
ผลกระทบ: Remote Code Execution
ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบ:
Microsoft Windows 2000 Service Pack 4
- Windows XP Service Pack 2 และ Windows XP Service Pack 3
- Windows XP Professional x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2003 Service Pack 2
- Windows Server 2003 x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2003 with SP2 for Itanium-based Systems
- Windows Vista, Windows Vista Service Pack 1 และ Windows Vista Service Pack 2
- Windows Vista x64 Edition, Windows Vista x64 Edition Service Pack 1 และ Windows Vista x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2008 for 32-bit Systems และ Windows Server 2008 for 32-bit Systems Service Pack 2 (Windows Server 2008 Server Core installation ไม่ได้รับผลกระทบ)
- Windows Server 2008 for x64-based Systems และ Windows Server 2008 for x64-based Systems Service Pack 2 (Windows Server 2008 Server Core installation ไม่ได้รับผลกระทบ)
- Windows Server 2008 for Itanium-based Systems และ Windows Server 2008 for Itanium-based Systems Service Pack 2

Microsoft Security Bulletin 2: Windows 2
MS09-028: Vulnerabilities in Microsoft DirectShow Could Allow Remote Code Execution (971633)
อัพเดทลิงค์: http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms09-028.mspx
ผลกระทบ: Remote Code Execution
ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบ:
- DirectX 7.0 บน Microsoft Windows 2000 Service Pack 4
- DirectX 8.1 บน Microsoft Windows 2000 Service Pack 4
- DirectX 9.0 บน Microsoft Windows 2000 Service Pack 4
- DirectX 9.0 บน Windows XP Service Pack 2 และ Windows XP Service Pack 3
- DirectX 9.0 บน Windows XP Professional x64 Edition Service Pack 2
- DirectX 9.0 บน Windows Server 2003 Service Pack 2
- DirectX 9.0 บน Windows Server 2003 x64 Edition Service Pack 2
- DirectX 9.0 บน Windows Server 2003 with SP2 for Itanium-based Systems

หมายเหตุ: อัพเดทสำหรับ DirectX 9.0 สามารถใช้ได้กับ DirectX 9.0a, DirectX 9.0b และ DirectX 9.0c

Microsoft Security Bulletin 3: Windows 3
MS09-032: Cumulative Security Update of ActiveX Kill Bits (973346)
อัพเดทลิงค์: http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms09-032.mspx
ผลกระทบ: Remote Code Execution
ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบ:
- Microsoft Windows 2000 Service Pack 4
- Windows XP Service Pack 2 และ Windows XP Service Pack 3
- Windows XP Professional x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2003 Service Pack 2
- Windows Server 2003 x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2003 with SP2 for Itanium-based Systems
- Windows Vista, Windows Vista Service Pack 1 และ Windows Vista Service Pack 2
- Windows Vista x64 Edition, Windows Vista x64 Edition Service Pack 1 และ Windows Vista x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2008 for 32-bit Systems และ Windows Server 2008 for 32-bit Systems Service Pack 2 (Windows Server 2008 Server Core installation not affected)
- Windows Server 2008 for x64-based Systems และ Windows Server 2008 for x64-based Systems Service Pack 2 (Windows Server 2008 Server Core installation not affected)
- Windows Server 2008 for Itanium-based Systems และ Windows Server 2008 for Itanium-based Systems Service Pack 2

• อัพเดทที่มีความร้ายแรงระดับสูง (Important)
อัพเดทที่มีความร้ายแรงระดับสูงมีจำนวน 3 ตัว ดังนี้
• MS09-033 สำหรับแก้ไขจุดบกพร่องของ Virtual PC/Virtual Server
• MS09-031 สำหรับแก้ไขจุดบกพร่องของ ISA
• MS09-030 สำหรับแก้ไขจุดบกพร่องของ Publisher

Microsoft Security Bulletin 4: Virtual PC/Virtual Server
MS09-033: Vulnerability in Virtual PC and Virtual Server Could Allow Elevation of Privilege (969856)
อัพเดทลิงค์: http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms09-033.mspx
ผลกระทบ: Elevation of Privilege
ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบ:
- Microsoft Virtual PC 2004 Service Pack 1
- Microsoft Virtual PC 2007
- Microsoft Virtual PC 2007 Service Pack 1
- Microsoft Virtual PC 2007 x64 Edition
- Microsoft Virtual PC 2007 x64 Edition Service Pack 1
- Microsoft Virtual Server 2005 R2 Service Pack 1
- Microsoft Virtual Server 2005 R2 x64 Edition Service Pack 1

Microsoft Security Bulletin 5: ISA
MS09-031: Vulnerability in Microsoft ISA Server 2006 Could Cause Elevation of Privilege (970953)
อัพเดทลิงค์: http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms09-031.mspx
ผลกระทบ: Elevation of Privilege
ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบ:
- Microsoft Internet Security and Acceleration Server 2006
- Microsoft Internet Security and Acceleration Server 2006 Supportability Update
- Microsoft Internet Security and Acceleration Server 2006 Service Pack 1

Microsoft Security Bulletin 6: Publisher
MS09-030: Vulnerability in Microsoft Office Publisher Could Allow Remote Code Execution (969516)
อัพเดทลิงค์: http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms09-030.mspx
ผลกระทบ: Remote Code Execution
ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบ:
- Microsoft Office Publisher 2007 Service Pack 1

การอัพเดทระบบ
ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำการอัพเดทจากเว็บไซต์ไมโครซอฟท์อัพเดท (
Microsoft Windows Update) ผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือทำการอัพเดทผ่านทาง WSUS สำหรับผู้ใช้ในองค์กรที่มีการใช้ระบบ Windows Server Update Services (WSUS) ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป


Security Update for July 2009 (WSUS)

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Microsoft Security Bulletin Summary for June 2009

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Microsoft Technet Security
Microsoft Security Center

ที่มาของบทความ : http://thaiwinadmin.blogspot.com/2009/07/microsoft-security-update-for-jul-2009.html


พีรพันธ์ (ดิว)

ระวังเวิร์ม Conficker หรือ Downadup ระบาด (อาจจะเก่าไปหน่อยน่ะครับ แต่เพื่อบางคนยังไม่รู้วิธีแก้)

ระวังเวิร์ม Conficker หรือ Downadup ระบาด

ไมโครซอฟท์รวมถึงบริษัทด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์หลายแห่งได้ประกาศเตือนให้ผู้ใช้ระบบวินโดวส์ระวังการระบาดของไวรัส W32/Conficker หรือ W32/Downadup.AL

ไวรัส Conficker หรือ Downadup (โปรแกรมป้องกันไวรัสบางตัวเรียกว่า Net-Worm.Win32.Kido) จะโจมตีระบบวินโดวส์โดยใช้จุดพกพร่องของ Server Service (SVCHOST.EXE) ซึ่งไมโครซอฟท์ออกซีเคียวริตี้อัพเดทหมายเลข MS08-067 (http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/ms08-067.mspx) เพื่อปิดช่องโหว่ดังกล่าวนี้ตั้งแต่วันที่ 23 เดือนตุลาคมปี 2551 ที่ผ่านมาแล้ว

สำหรับสาเหตุที่เกิดการระบาดของเวิร์ม Conficker หรือ Downadup อย่างหนักนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ทำการติดตั้งแพตช์ นอกจากนี้ในบางสายพันธุ์ของไวรัส W32/Conficker นั้น สามารถทำการโจมตีระบบได้ถึงแม้ว่าระบบนั้นจะทำการติดตั้งแพตช์แล้วก็ตาม โดยมีการประมาณการว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โดนโจมตีแล้วไม่ต่ำกว่า 9 ล้านเครื่อง

รายละเอียดของไวรัส Conficker หรือ Downadup
Conficker หรือ Downadup เป็นโปรแกรมมัลแวร์แบบสแตนด์อะโลนเวิร์ม ซึ่งแพร่ระบาดเข้าติดเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้จุดพกพร่องของ Server Service (SVCHOST.EXE) ถ้าหากเวิร์มเข้าติดเครื่องคอมพิวเตอร์สำเร็จและระบบมีการเปิดใช้งานการแชร์ มันก็จะทำการรีโมทเอ็กซีคิวต์โค้ดไวรัส นอกจากนี้บางสายพันธุ์ยังสามารถแพร่ระบาดผ่านทางไดร์ฟเก็บข้อมูลแบบพกพาได้ด้วย หลังจากไวรัสเข้าติดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว มันจะทำการปิดบริการต่างๆ ของระบบ ปิดโปรแกรมด้านรักษาความปลอดภัย และทำการดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์จากอินเทอร์เน็ต

ชื่อ: W32/Conficker หรือ Worm:W32/Downadup.AL
ประเภท: Worm
ชนิด: Malware
แพลตฟอร์ม: W32
ชื่อทีโปรแกรมป้องกันไวรัสตรวจพบ: Net-Worm.Win32.Kido, Worm:W32/Downadup.AL
ชื่ออื่นๆ:
TA08-297A
CVE-2008-4250
VU827267
Confickr
Win32/Conficker.A (CA)
Mal/Conficker (Sophos)
Mal/Conficker-A (Sophos)
Trojan.Win32.Agent.bccs (Kaspersky)
W32.Downadup.B (Symantec)
Win32.Worm.Downadup.Gen (BitDefender)
Trojan-Downloader.Win32.Agent.aqfw (Kaspersky)
W32/Conficker.worm (McAfee)
Trojan:Win32/Conficker!corrupt (Microsoft)
W32.Downadup (Symantec)
W32/Conficker.worm.gen (Symantec)

ระบบวินโดวส์ที่ได้รับผลกระทบ:
- Microsoft Windows 2000 Service Pack 4
- Windows XP Service Pack 2 และ Windows XP Service Pack 3
- Windows XP Professional x64 Edition และ Windows XP Professional x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2003 Service Pack 1 และ Windows Server 2003 Service Pack 2
- Windows Server 2003 x64 Edition และ Windows Server 2003 x64 Edition Service Pack 2
- Windows Server 2003 with SP1 สำหรับ Itanium-based Systems และ Windows Server 2003 with SP2 สำหรับ Itanium based Systems
- Windows Vista และ Windows Vista Service Pack 1
- Windows Vista x64 Edition และ Windows Vista x64 Edition Service Pack 1
- Windows Server 2008 สำหรับ 32-bit Systems (Windows Server 2008 Server Core installation ได้รับผลกระทบ)
- Windows Server 2008 สำหรับ x64-based Systems (Windows Server 2008 Server Core installation ได้รับผลกระทบ)
- Windows Server 2008 สำหรับ Itanium-based Systems

การทำงานของไวรัส Conficker หรือ Downadup
เมื่อไฟล์ไวรัสถูกเอ็กซีคิวต์ มันจะทำงานต่างๆ ดังนี้

• ทำการสำเนาคัวเองลงในโฟลเดอร์ต่างๆ ดังนี้
%System%[Random].dll
%Program Files%Internet Explorer[Random].dll
%Program Files%Movie Maker[Random].dll
%All Users Application Data%[Random].dll
%Temp%[Random].dll
%System%[Random].tmp
%Temp%[Random].tmp

โดยไฟล์แต่ละไฟล์จะถูกแก้ไขไทมแสตมป์ให้ตรงกับไฟล์ %System%kernel32.dll จากนั้นเวิร์มจะทำการสร้างค่ารีจีสทรีเพื่อให้วินโดวส์ทำการเอ็กซีคิวต์เวิร์มทุกครั้งที่ระบบสตาร์ท

• อาจจะทำการสร้างไฟล์บนไดร์ฟเก็บข้อมูลแบบพกพาดังนี้
%DriveLetter%RECYCLERS-%d-%d-%d-%d%d%d-%d%d%d-%d%d%d-%d[...].[3 random characters]
%DriveLetter%autorun.inf

• ทำการแอทแทชตัวมันเองกับโปรเซสต่างๆ ดังนี้
svchost.exe
explorer.exe
services.exe

• บริการต่างๆ ของระบบดังนี้ ถูกปิดหรือไม่สามารถรันได้
- Windows Automatic Update Service (wuauserv)
- Background Intelligent Transfer Service (BITS)
- Windows Security Center Service (wscsvc)
- Windows Defender Service (WinDefend)
- Error Reporting Service (ERSvc)
- Windows Error Reporting Service (WerSvc)

• ทำการรันคำสั่งเพื่อปิดการทำงาน TCP/IP auto-tuning บน Windows Vista ดังนี้
netsh interface tcp set global autotuning=disabled

• ทำการฮุค API เพื่อบล็อคการแอคเซสโดเมนยาวๆ ดังนี้
DNS_Query_A
DNS_Query_UTF8
DNS_Query_W
Query_Main
sendto

• เกิด Account lockout เนื่องจากไวรัสทำการแก้ไขรีจีสทรีเพื่อให้ทำการโจมตีระบบเครือข่ายดังนี้
HKLMSYSTEMCurrentControlSetServicesTcpipParameters
"TcpNumConnections" = "0x00FFFFFE"

• ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยบางเว็บไซต์ ที่มีคำต่างๆ ดังนี้
virus
spyware
malware
rootkit
defender
microsoft
symantec
norton
mcafee
trendmicro
sophos
panda
etrust
networkassociates
computerassociates
f-secure
kaspersky
jotti
f-prot
nod32
eset
grisoft
drweb
centralcommand
ahnlab
esafe
avast
avira
quickheal
comodo
clamav
ewido
fortinet
gdata
hacksoft
hauri
ikarus
k7computing
norman
pctools
prevx
rising
securecomputing
sunbelt
emsisoft
arcabit
cpsecure
spamhaus
castlecops
threatexpert
wilderssecurity
windowsupdate

อาการมื่อคอมพิวเตอร์ติดไวรัส W32/Conficker หรือ W32/Downadup.AL
เมื่อคอมพิวเตอร์ติดไวรัส W32/Conficker หรือ W32/Downadup.AL จะมีอาการดังต่อไปนี้
• บริการต่างๆ ของระบบดังนี้ ถูกปิดหรือไม่สามารถรันได้ Windows Automatic Update Service (wuauserv), Background Intelligent Transfer Service (BITS), Windows Security Center Service (wscsvc), Windows Defender Service (WinDefend), Error Reporting Service (ERSvc) และ Windows Error Reporting Service (WerSvc)
• เกิด Account lockout
• เครื่องเซิฟร์เวอร์ Domain controllers ตอบสนองเครื่องลูกข่ายช้าผิดปกติ
• ระบบเน็ตเวิร์กมีการรับ-ส่งข้อมูลมากผิดปกติ
• ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยบางเว็บไซต์ ที่มีคำต่างๆ ดังนี้

วิธีการแพร่ระบาด
ไวรัส Conficker หรือ Downadup นั้น มีวิธีการแพร่ระบาดหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
- แพร่ระบาดโดยใช้จุดพกพร่องของ Server Service (MS08-067)
- แพร่ระบาดผ่านทางการแชร์บนเครือข่าย
- แพร่ระบาดผ่านทางไดร์ฟเก็บข้อมูลแบบพกพา (บนระบบที่มีการเปิดใช้งาน AutoPlay)

วิธีการป้องกัน
สำหรับวิธีการป้องกันนั้น ให้ทำการแพตช์ระบบทันทีที่ทำได้ โดยอาจจะทำการดาวน์โหลดอัพเดทมาติดตั้งแบบแมนนวลจากเว็บไซต์ http://www.microsoft.com/technet/security/bulletin/MS08-067.mspx หรือทำการติดตั้งผ่านทางเว็บไซต์ไมโครซอฟท์อัพเดท http://update.microsoft.com/microsoftupdate


การติดตั้งอัพเดทแบบแมนนวล
การติดตั้งแบบแมนนวลนั้น มี 2 โหมด คือ Passive และ Quiet เมื่อติดตั้งเสร็จ ให้รีสตาร์ทเครื่องเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล
• Passive เป็นการติดตั้งอัพเดทแบบอัตโนมัติและแสดงหน้าต่างแสดงสถานะการทำงาน คำสั่งการติดตั้ง มีดังนี้
WindowsServer2003-KB958644-x86-ENU.exe /passive

• Quiet เป็นการติดตั้งอัพเดทแบบอัตโนมัติโดยไม่แสดงหน้าต่างแสดงสถานะการทำงาน (Silent Mode) คำสั่งการติดตั้ง มีดังนี้
WindowsServer2003-KB958644-x86-ENU.exe /quiet

วิธีการแก้ไข
สำหรับท่านที่โดนเวิร์ม Conficker หรือ Downadup เล่นงาน สามารถแก้ไขโดยดาวน์โหลดเครื่องมีอ Removal Tool ได้จากเว็บไซต์ต่างๆ ดังนี้
• F-Downadup ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ ftp://ftp.f-secure.com/anti-virus/tools/beta/f-downadup.zip
• FSMRT ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ ftp://ftp.f-secure.com/anti-virus/tools/beta/fsmrt.zip
• Malicious Software Removal Tool ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ http://support.microsoft.com/kb/890830
• BitDefender Removal Tool ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ http://www.bitdefender.com/VIRUS-1000462-en--Win32.Worm.Downadup.Gen.html

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• http://www.f-secure.com/weblog/archives/00001576.html
• http://support.microsoft.com/kb/962007
• http://www.microsoft.com/security/portal/Entry.aspx?Name=Win32/Conficker


Worm W32/Conficker W32/Downadup.AL Conficker Conficker.A Conficker.B Downadup Downadup.Gen Prevention

แหล่งที่มา : http://thaiwinadmin.blogspot.com/2009/01/kb037.html


พีรพันธ์(ดิว)

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยีนส์ต่อสู้โรคมะเร็งมีจำนวนลดลงเมื่ออายุสูงขึ้น

สวัสดีครับเพื่อนๆเจอกันอีกแล้วอาทิตย์นี้ผมจะขอเสนอ

เรื่องยีนต์ต่อสู้โรคมะเร็ง

ในขณะที่คนปกติอายุสูงขึ้นความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งจะมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัวทั้งนี้เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไป ดี เอ็น เอ ในคนจะถูกทำลายจากสาเหตุมะเร็งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการวิจัยล่าสุดเสนอแนะว่านี่คือเหตุผลที่เป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งสำหรับความเสี่ยงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้จากการทดลองในหนูทดลองแสดงให้เห็นว่า ยีนส์ที่เป็นตัวกดดันไม่ให้เกิดเนื้องอก (Tumor-Suppressing gene) จะทำงานด้อยลงในผู้สูงอายุ

ยีนส์ดังกล่าวเรียกว่า p53 เป็นยีนส์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญที่สุดที่มีการศึกษากันอย่างละเอียดในการทำหน้าที่เป็นยีนส์ต่อต้านมะเร็ง (Anti-Caneer genes) เมื่อดีเอ็นเอของเซลถูกทำลายลง ยีนส์ p53 จะทำหน้าที่ตอบสนองโดยการซ่อมแซมเซลนั้นหรือสั่งให้เซลนั้นทำลายตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เซลที่พิการ เจริญเติบโตไปสู่เนื้องอกในที่สุด มีการประเมินว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของเนื้องอกที่เกิดขึ้นในคนนั้นเกิดจากการแปรพันธุ์ (Mutation) ในยีนส์ p53

นักวิจัยจากสถาบันโรคมะเร็งนิวเจอร์ซี่ เมืองนิวบรุนสวิค นำโดยนาย Arnold J. Levine ทดลองใช้หนูทดลองอายุต่างๆมาฉายด้วยรังสีแกมม่าซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้การตอบสนองการควบคุมการทำลายของยีนส์เริ่มทำงาน หลังจากนั้นอีก 6 ชั่วโมงพบว่า การทำงานของยีนส์ p53 ในหนูทดลองที่มีอายุน้อยสุดสูงขึ้น 7 ถึง 8 เท่า แต่ในหนูที่มีอายุชราคือประมาณ 3 ปี พบว่ามีเพิ่มขึ้นเพียง 2-3 เท่า แสดงให้เห็นว่ายีนส์ที่ควบคุมการทำลายทำงานในหนูชราเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับในหนูเยาว์วัย

ผลจากการทดลองดังกล่าวยังอธิบายได้ว่าทำไมโรคมะเร็งจึงมักเกิดขึ้นในบั้นปลายชีวิตของคน นอกจากนี้ยังพบว่าการทำงานของยีนส์ p53 ยังมีความแตกต่างในเพศหญิง และเพศชาย แสดงให้เห็นว่า ฮอร์โมนอาจมีบทบาทสำคัญในการควบคุมยีนส์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังติดตามการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อตัดสินว่าการทำงานของยีนส์ดังกล่าวในคนเกิดขึ้น เหมือนกันในหนูทดลองหรือไม่อย่างไรต่อไป

ขอขอบคุณ Chemical & Engineering News, May 5, 2008)

(ที่มา: Science News, October 6, 2007)

ไขปริศนา.. ไข่ปลอม ระบาดที่เมืองจีน????


ไขปริศนา.. ไข่ปลอม ระบาดเมืองจีน




เปลือกไข่ทำมาจาก paraffin wax ผสมกับน้ำขาวๆ



มีการแต่งสีให้เหมือนไข่จริง


ไข่ไก่สดของจริง ปลอดภัยกว่าแน่นอน

กลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วในโลกไซเบอร์ เมื่อฟอร์เวิร์ดเมล "ไข่ไก่สดปลอม" ถูก ส่งต่อ แน่นอนว่าเรื่องนี้พูดถึงอย่างกว้างขวาง ก็แหม...ปกติก็มีแต่ข้าวของเครื่องใช้เท่านั้นที่ปลอมกัน ปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด แต่นี่ปลอมไข่ไก่สด ซึ่งเป็นอาหารที่ทุกบ้าน ทุก ครอบครัวในโลกนี้ต้องบริโภคกัน คราวนี้เลยทำเอาหลายคนหวั่น เกิดอาการกลัวๆ กล้าๆ จะบริโภคกันต่อดีไหมหนอ ก็ขนาดคนขายยังบอกเลยว่าแยกไม่ออกระหว่างไข่จริงกับไข่ปลอม

ทั้ง นี้ "ไข่ปลอม" เกิดขึ้นที่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างเมืองจีน โดยทางการจีนสามารถระงับการขายไข่ไก่ปลอมได้ที่ มณทลกวางโจว หลังพบวางขายกันอย่างแพร่หลายตามตลาด ซึ่งราคาขายส่งตกฟองละ 0.15 หยวนหรือ ประมาณ 0.75 บาท (โอ้โห..ถูกกว่าไข่จริงมากกว่าครึ่ง) เอ...แต่ที่ว่าปลอมนั้น ปลอมอย่างไรมาดูกันค่ะ

ตามข้อมูลระบุว่า "ไข่ขาว" จะเป็นเจลาตินที่ใช้ทำเยลลี่ ผสมกับแป้ง, เบนโซอิก แอซิด (สารเคมีมีพิษ หากกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน) และอะลัม (alum) หรืออะลูมิเนียม โพแทสเซียม ซัลเฟต ซึ่งโรงงานบางแห่ง ใช้สารนี้กัดสีของโลหะ หรือกัดสนิมในโรงงานอุตสาหกรรม (อุ๊แม่เจ้า!)

ส่วน "ไข่แดง" จะใช้สีผสมกับส่วนประกอบที่ยังไม่สามารถระบุได้ ก่อนเทใส่แม่พิมพ์กลมๆ ขณะที่เปลือกไข่ทำมาจากพาราฟิน แวกซ์ ผสมกับน้ำขาวๆ ที่ยังไม่สามารถระบุได้อีกเช่นกัน โดยวิธีการคือ ราดลงไปบนไข่ปลอม รอจนน้ำขาวๆ แห้ง และ แข็งตัว จะมีลักษณะเหมือนเปลือกไข่ ซึ่งไข่ปลอมที่ว่านี้ มีรสชาติเหมือนไข่ไก่สดจริงๆ เพียงแต่ไม่มีสารอาหารที่เทียบกันได้เลย ทั้งยังเพิ่มอันตรายต่างๆ เพียบ หากบริโภคเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลต่อสุขภาพได้

สำหรับ เรื่องไข่ไก่ปลอม เคยเป็นข่าวใหญ่ในประเทศจีนมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ.2548 โดยไข่เหล่านี้ผลิตจากทางภาคเหนือ และขนส่งมายังกวางตุ้ง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ มีต้นทุนถูกกว่าไข่ไก่จริง ราวฟองละ 0.2 หยวน และจำหน่ายในราคาที่ถูกว่า ราว 0.15 หยวน วางขายเกลื่อนในตลาดสดกวางโจว

อย่าง ไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.อุไรพร จิตต์แจ้ง จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ฟอร์เวิร์ดเมลดังกล่าว ไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะขั้นตอนในการทำเปลือกไข่ปลอมด้วยพาราฟิน แวกซ์ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะทำได้ยาก ส่วนขั้นตอนการทำไข่ขาวที่อ้างว่า ใช้เจลาตินที่ทำเยลลี่นั้นมีความเป็นไปได้ แต่เจลาตินดังกล่าวราคาแพง ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่า จะคุ้มกับการทำไข่ปลอมหรือไม่

ด้าน นายถวัลย์ รอดจิตต์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปราม (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) กรมศุลกากร กล่าวว่า ไข่ไก่ปลอมในประเทศจีนอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ เนื่องจากจีนมีประชากรเยอะ ไข่ไก่ที่ผลิตภายในประเทศจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ปริมาณไข่ไก่ที่ผลิตได้มีเพียงพอจนแทบไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้า

" ใน ประเทศไทยไม่น่าจะมีการนำเข้าไข่ไก่ปลอม หรือหากมีก็เป็นการนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย อาจขนส่งมาทางตู้คอนเทนเนอร์มากกว่าทางสนามบิน ซึ่งที่ผ่านมาเคยจับกุมการลักลอบการนำเข้าไข่ไก่ได้บริเวณชายแดนสุไหง-โกลก จ.นราธิวาส ประมาณ 1,000 ฟอง แต่ก็เป็นการซื้อขายบริเวณชายแดนเท่านั้น" หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปราม กล่าว

อืม... กรมศุลกากรออกมาคอนเฟิร์มชัดเจนว่า ยังไม่ทะลักเข้าไทยอย่างแน่นอน ....เอาว่าเป็นพี่น้องผองไทยก็สบายใจ บริโภคไข่ไก่กันต่อได้ ปลอดภัยชัวร์แน่นอนจ้า


ที่มา : http://www.vcharkarn.com/vnews/152484
วิภารัตน์ (แหม่ม)

เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ

วันนี้จะพาเพื่อนๆ มาทบทวนความรู้กับเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ

การออกแบบระบบมักจะใช้รูปแบบและสัญลักษณ์ เครื่องมือที่ใช้มีอยู่มากมายหลายชนิดแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน ใช้ในโอกาสที่แตกต่างกัน เครื่องมือแต่ละอย่างมีวิธีการสร้างคุณสมบัติ และการใช้งานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับนักวิเคราะห์ระบบว่าจะนำไปใช้ในขั้นตอนใด

แผนภูมิ Block Diagram
เป็นแผนภูมิที่มีลักษณะของการใช้ Block สี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นตัวแทนของกิจกรรมต่างๆ หรือใช้แทนความคิดที่ต้องการจะทำการวิเคราะห์และออกแบบระบบงานซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเขียนเป็นแผนภูมิของกิจกรรมต่างๆ ได้หลายอย่าง เช่น
1. การใช้ Block Diagram ในการเขียนแผนภูมิการจัดองค์กร (Organization Chart) ซึ่งเป็นแผนภูมิที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรนั้นๆ มีการจัดการแบ่งเป็นองค์ประกอบย่อยๆ เช่น แบ่งออกเป็นฝ่ายแบ่งเป็นแผนก เป็นหน่วย มีงานอะไรบ้าง กี่หน่วยงานและหน่วยงานต่างๆ เหล่านั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในทางสายการบังคับบัญชาอย่างไรเป็นต้น


2. การใช้ Block Diagram ในการเขียนแผนภูมิการทำงานของระบบงาน (System Flowchart) เป็นแผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ในการทำงานของระบบใดๆ ว่าในระบบนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
3. การใช้ Block Diagram ในการเขียนแผนภูมิเพื่อแสดงขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม (Program Flowchart) เป็นแผนภูมิแสดงการทำงานของโปรแกรมแบบเป็นขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นโปรแกรม ไปจนสิ้นสุดการทำงาน ซึ่งอาจจะแบ่งออกเป็น Routione การทำงานใหญ่
4. การใช้ Block Diagram ในการเขียนแผนภูมิแสดงการไหลของข้อมูล (Data Flow Diagram : DFD) เป็นแผนภูมิที่ใช้สำหรับการแสดงการไหลไปของข้อมูลเพื่อแสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติงานไปตามลำดับขั้นตอน แผนภูมิการจัดองค์กร Organization Chart
เป็นแผนภูมิที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรนั้นๆ มีโครงสร้างหรือการจัดการแบ่งเป็นองค์ประกอบย่อยๆ เช่น แบ่งออกเป็นฝ่าย เป็นหน่วยงานอะไรบ้าง กี่หน่วยงานและหน่วยงานเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในสายการบังคับบัญชาอย่างไร รวมทั้งแสดงถึงความสัมพันธ์ของแต่ระตำแหน่ง



ภาพที่ 7.1 แสดงแผนภูมิกาจัดองค์กร (Organization Chart)

แผนภาพการแจกจ่ายงาน (Work Distribution Chart)
เป็นแผนภาพแสดงการแจกจ่ายงาน ซึ่งแสดงให้เป็นถึงงานต่างๆ ที่ต้องทำว่ามีอะไรบ้าง ใครเป็นผู้ทำ และใช้เวลาเท่าใด รวมทั้งยังช่วยผู้บริหารโครงการแจกจ่ายงานให้แต่ละบุคคลได้อย่างทั้งถึงและสมดุล



ภาพที่ 7.2 ภาพแสดงการแจกจ่ายงาน

แผนภูมิ Gantt Chart (Gantt’s Chart)
เป็นแผนภูมิแท่งชนิด Bar Chart เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมต่างๆ ที่จะต้องกระทำกับระยะเวลาหรือเวลาสำหรับการปฏิบัติงานของกิจกรรมนั้นๆ ทำให้เข้าใจภาพรวมของระบบได้ง่ายขึ้น Gantt Chart ที่สร้างในส่วนบนตามแนวนอนจองตารางจะแสดงหน่วยเวลา เป็นชั่งโมง วัน สัปดาห์ เดือน หรือหน่วยเวลาตามที่นักวิเคราะห์ระบบกำหนด



ภาพที่ 7.3 แสดงแผนภูมิ Gantt Chart

ปฏิทินการปฏิบัติงาน (Time Schedule and Time Table)
เป็นปฏิทินในรูปแบบลักษณะของคาราง ซึ่งแสดงงานที่ต้องทำ วันที่ที่เริ่มทำงานและ วันที่ที่ท
ำงานเสร็จ


ภาพที่ 7.4 แสดงปฏิทินการปฏิบัติงาน

ตาราง Input / Output Table
เป็นคารางที่ใช้สำหรับการสร้างหรืออกแบบตาราง Output หรือตารางเสนอผลการประมวลผลต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ
1. ส่วนที่เป็นรายการ Input ประกอบด้วย รายการต่างๆ ทั้งหมดที่จะนำมาประมวลผล ส่วนนี้จะอยู่ทางด้านซ้ายมือของตารางสำหรับใช้ในการเลือกเป็นรายการของตารางปกติตารางหนึ่งๆ จะมีรายการที่มีความสัมพันธ์กับประมาณ 2-5 รายการ
2. ส่วนของเลขตาราง ซึ่งในส่วนนี้จะมีจำนวนตารางเท่าใดก็ได้

ประโยชน์ของตาราง Input / Output Table
1. ทำให้ทราบจำนวนตารางที่ได้ทำการออกแบบทั้งหมด
2. ทำให้ทราบความสัมพันธ์ของรายการต่างๆ ของแต่ระตาราง ซึ่งจะเป็นการง่ายในการออกแบบตารางต่อไป
3. เป็นการง่ายที่ตะตรวจสอบว่า มีรายการใดบ้างที่ยังไม่ได้รับการออกแบบตารางจะได้ทำการออกแบบตารางของรายการนั้นๆ ต่อไป
4. เป็นการง่ายที่จะตรวจสอบว่าตารางใดบ้างที่มีรายการซ้ำกัน ที่ควรจะทำการตักออก


ภาพที่ 7.5 แสดงตาราง Input / Output Table

การวิเคราะห์ข่ายงาน (Network Analysis)
แผนภาพเครือข่าย (Network) คือ แผนภาพที่ใช้แสดงกิจกรรมต่างๆ ที่จะต้องทำเพื่อให้โครงการสำเร็จลงอย่างมีระบบ ส่วนประกอบของเครือข่ายจะประกอบด้วย Node ซึ่งใช้แสดงเหตุการณ์ต่างๆ การเขียนตารางเวลาการทำงานโดยใช้เครือข่ายมีอยู่ 2 วิธีที่นิยมใช้กันอยู่ คือ
1. PERT : Program Evaluation and Review Technique
2. CPM : Critical Method

1. PERT : Program Evaluation and Review Technique
เป็นแผนภาพที่ใช้สำหรับแผนภาพที่ใช้สำหรับจัดตารางของงานในการพัฒนาระบบ ซึ่งแสดงถึงลำดับการทำงานกับเวลา รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกให้ผู้วางแผน แผนภาพนี้มีความละเอียดในการแสดงรายละเอียดของงานได้มากกว่า Gantt Chart ที่แสดงเพียงลำดับของงานกับเวลา PERT เป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผนและควบคุมให้งานต่างๆ สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด และยังแสดงความสัมพั
นธ์ระหว่างเหตุการณ์และกิจกรรมต่างๆ


ภาพที่ 7.6แสดงแผนภาพ PERT : Program Evaluation and Review Technique

ข้อดีของ PERT
1. ใช้พิจารณาจัดลำดับงานต่างๆ โดยเฉพาะงานที่ต้องทำเป็นอิสระจากกัน
2. ใช้ประมาณเวลาที่ใช้ในแต่ละกิจกรรม รวมทั้งเวลาที่ใช้ทั้งโครงการ
3. สารมารถชี้ให้เห็นงานที่มีผลกระทบต่องานอื่นๆ ทั้งโครงการ ถ้างานนั้นสำเร็จช้ากว่ากำหนด
4. ใช้ประมาณค่าเฉลี่ยของเวลาที่ใช้สำหรับการทำตารางใหม่ เพื่อโตรงการสำเร็จ
5. ใช้คำนวณเวลาที่ต้องใช้มากที่สุดสำหรับโครงการ

2. CPM : Critical Method
เป็นเครื่องมือทางด้านการจัดการเพื่อใช้ในการกำหนด การรวม และวิเคราะห์กิจกรรมรวมต่างๆ ที่จะต้องทำในโครงการอย่างประหยัดที่สุดและให้สำเร็จทันเวลา โดยเริ่มจากการแยกกิจกรรมต่างๆ ในโครงการออกเป็นกิจกรรมย่อยๆ ซึ่งกิจกรรมแต่ละกิจกรรมต้องใช้เวลาในการทำงานเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ฉะนั้นจึงมีจุเริ่มต้นและขุดสิ้นสุดของแต่กิจกรรม Critical Path คือ การคำนวณระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นกิจกรรมแรกไปจนเสร็จสิ้นกิจกรรมแรกไปจนเสร็จสิ้นกิจกรรมสุดท้าย หากมีกิจกรรมที่ทำพร้อมกัน (เส้นขนานกัน) ให้ใช้เวลาที่นานที่สุดมาคำนวณ


ภาพที่ 7.7 แสดงกำหนดเวลา CPM : Critical Method
Critical Path คือ 1-2-3-4-5-6-7 ใช้เวลาทั้งหมด 10 วัน

นิติรัตน์ (นิ)