วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คิดอย่างอัจฉริยะ ?

คำแนะนำต่อไปนี้เป็นวิธีการที่ "อัจฉริยะใช้ในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนโลก" และเป็นวิธีการง่ายๆที่จะช่วยเปลี่ยนกระบวนการทางความคิดของคุณได้


1. พยายามมองว่า ปัญหา ของคุณเปรียบเสมือนประตูสู่ความสำเร็จ

2. เมื่อคุณเห็นความเชื่องโยงระหว่างความคิดสองอย่าง ให้สักเกตและศึกษาจุดเด่นของมัน โดยอาจเชื่อมโยงความคล้ายคลึงหรือการเปรียบเทียบก็ได้

3. สมองของเราสร้างความเชื่อมโยงอยู่ตลอดเวลาซึ่งทำให้เราสามารถรับรู้สิ่งต่างๆได้ อัจฉริยะบุคคลคือคนคนหนึ่งที่สามารถพัฒนาระบบความซับซ้อนในการเชื่อมโยงได้เป็นอย่างดี

4. อัจฉริยะบุคคลจะมองที่ลักษณะพิเศษและวิเคราะห์โครงสร้างของมัน

5. อัจฉริยบุคคลชอบสร้างจินตนาการ หรือเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “ฝันกลางวัน” ลองสำรวจความคิดเห็นใหม่ๆ ที่อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระแต่ผลที่ออกมากลับเป็นเรื่องสำคัญ จงทำมันจนสำเร็จและแสวงหารายได้จากมันอัจฉริยะมักมีความสุขอยู่กับการใช้เวลาสำรวจวิธีการทำมากกว่าพยายามหาผลลัพธ์ที่จะออกมา จงหัดเป็นนักคิดและให้เวลากับการทำสิ่งนั้น เพราะนั่นคือวิธีการเดียวที่จะสามารถคิดค้นและทำให้เป็นนิสัยได้อย่างแท้จริง

6. ทำตัวให้เป็นคนอยากรู้อยากเห็นและสงสัยในสิ่งน่าพิศวงในชีวิต ไม่มีใครที่เคยไขว่คว้าหาคำตอบโดยปราศจากความอยากรู้อยากเห็น

7. สร้างความคิดแบบง่ายๆ แต่เยี่ยมยอด

8. เพิ่มความสนใจของคุณให้มากยิ่งขึ้นไปอีก อัจฉริยะบุคคลเป็นผู้ที่ทุ่มเทอย่างหนักให้กับสิ่งที่ตนเองสนใจ อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่น่าสนใจและความรู้อื่นๆ อีกมากมายที่เราสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้

9. อย่าปฏิเสธข้อมูลที่ไม่ตรงกับสิ่งที่คุณรู้มาแล้ว ลองพยายามปรับความรู้ที่คุณมีอยู่ให้เข้ากับความคิดใหม่ดูบ้าง

10. >> เปลี่ยนความคิดให้เป็นการกระทำ << บางทีความคิดธรรมดาๆ อาจจะกลายมาเป็นต้นแบบได้ แต่เราก็มักจะไม่สนใจมันเพราะคิดว่าคนอื่นรู้กันอยู่แล้วลองคิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ดูธรรมดา ใหม่ และเดาไม่ยาก
อย่าไปคิดว่า “คงมีบางคนทำไปแล้ว” เพราะคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันเป็นความคิดที่ถูกต้อง

ที่มา หนังสือ ถอดรหัสอัจฉริยะ "MIND GAME" ผู้เขียน Michael Powell

อ้างอิง http://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0-151390.html

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความรู้เพิ่มเติม

SQ คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ?

นักฟิสิกส์ชื่อกระฉ่อน Danah Zohar และ Ian Marshall ก็ได้เขียนหนังสือเล่มใหม่ที่สร้างความฮือฮาอีกครั้งในชื่อว่า SQ: Connecting with our Spiritual Intelligence

ทั้งสองกล่าวว่า SQ เกี่ยวข้องกับความหมายและคุณค่าของชีวิต เป็นแง่มุมของการใช้ชีวิตให้เกิดคุณค่าและความหมายตามวิถีทางแต่ละคน เพราะแต่ละคนจะเกิดมาพร้อมลักษณะพื้นฐานทางจิตที่ไม่เหมือนกัน


นั่นคือ เราไม่ได้เกิดมาพื่อจะกระทำหรือบรรลุในสิ่งเดียวกัน ดังนั้นแต่ละคนจึงมีแรงขับทางจิตวิญญาณ (spiritual impulse) จากภายในคนละแบบ ทำให้เส้นทางชีวิตที่มี “คุณค่าและความหมาย” ของแต่ละคนแตกต่างกันไป และความฉลาดทางจิตวิญญาณจะเป็นรากฐานสำคัญยิ่งที่จะบ่งชี้ว่ามนุษย์คนนั้นจะใช้ IQ และ EQ ได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพเพียงใด สุดท้ายทั้งสองสรุปว่านี่คือความฉลาดขั้นสุดยอด

เมื่อมองในเชิงสังคมแล้วอาจกล่าวได้ว่าอารยธรรมมนุษย์กำลังมุ่งสู่ทิศทางแห่งการทำลายตัวเองอย่างเป็นระบบ(แม้อาจมีความเจริญทางวัตถุ) ทั้งนี้เพราะการยึดโยงอยู่กับการแสวงหาความมั่งคั่งทางวัตถุถ่ายเดียวหรือไม่ก็ใช้ชีวิตตามที่ผู้คนในสังคมบอกว่าควรใช้ โดยไม่ฟังความจริงหรือ "เสียงภายใน" ของตัวเอง และนี่คือความสำคัญและความจำเป็นของ SQ


ทั้งสองยังบอกอีกว่า ลำพังแค่ IQ กับ EQ ไม่สามารถทำให้เราเข้าใจความซับซ้อนเกี่ยวกับความฉลาดของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะคอมพิวเตอร์ก็มี IQ สูง แก้ปัญหาได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด สัตว์หลายประเภทก็มี EQ ไม่น้อย รู้จักประเมินสถานการณ์และตอบสนองไปอย่างเหมาะสม แต่คอมพิวเตอร์และสัตว์ไม่สามารถตั้งคำถามว่า “ทำไม” จึงมีสถานการณ์หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และจะพัฒนาให้ดีขึ้นหรือแตกต่างไปจากเดิมได้อย่างไร เพียงตอบสนองไปตามขอบเขตของ “เกม” ที่ถูกกำหนดมาอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น ส่วน SQ จะทำให้เราเลือกเล่นหรือตั้งคำถามต่อ "เกม” ได้ตั้งแต่แรก พูดอีกแบบก็คือ IQ และ EQ เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่าจะเล่น “เกม” ให้เก่งและมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ส่วน SQ ถามว่าจะเล่น “เกม” นี้ดีหรือไม่ และนี่คือความต่างของ SQ

ผู้เขียนยังชี้ถึงคุณลักษณะของผู้ที่มี SQ สูงว่าเป็นผู้ที่

1. มีความยืดหยุ่นไม่ยึดติดรูปแบบที่ตายตัว
2. รู้จักตัวเองในระดับสูง
3. มีความสามารถในการเผชิญและใช้ความทุกข์ให้เกิดประโยชน์
4. มีความสามารถที่จะใช้และก้าวข้ามความเจ็บปวดในชีวิต
5. สามารถเกิดแรงบันดาลใจจากภาพวิสัยทัศน์และคุณค่าบางอย่าง
6. ไม่ต้องการสร้างความทุกข์หรือทำร้ายสิ่งใดโดยไม่จำเป็น
7. มีแนวโน้มที่จะเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งต่าง ๆ ที่หลากหลาย
8. มีแนวโน้มที่จะตั้งคำถามว่า “ทำไม” หรือ “จะเป็นอย่างไรถ้า..” และเสาะหาคำถามพื้นฐานของสรรพสิ่ง
9. มีความสามารถที่จะเป็นอิสระจากกรอบเดิม ๆ และจากสิ่งที่คนทั่วไปยึดมั่นยอมรับ

ในยุคนี้หากพวกเราในฐานะปัจเจกและสังคมต้องการจะใช้ชิวิตอย่างสร้างสรรค์ มีความหมาย และเปี่ยมพลังอย่างแท้จริง การทำความเข้าใจตัวตนของมนุษย์เพียงแค่ระดับร่างกาย(body) และจิตใจ(mind) ไม่เพียงพอเสียแล้ว หากต้องขยายออกให้ครอบคลุมมิติทางจิตวิญญาณ(soul) อีกด้วย ซึ่งเป็นน่ายินดีที่โลกวิทยาศาสตร์ได้ขยายความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ออกไปให้ครบถ้วนและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

อ้างอิง http://www.ohmygodbooks.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=206745&Ntype=3

----------------------------------------------------------------------------------------------


ถ้ามนุษย์คนนั้นคิดดี ทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์แล้ว
"นี่จะเป็นยิ่งกว่าความฉลาดขั้นสุดยอด"
เกรียงไกร(อาท) ^_^_^

1 ความคิดเห็น:

  1. คิดดี พูดดี ทำดี

    ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

    ก็พอแล้ว

    เป็นอัจฉริยะแล้วเลว

    ใช้ความเก่งไปในทางที่ผิด

    ชีวิตก็จะไม่มีความสุข

    ตอบลบ