วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สมองเต่า...สมองกระต่าย ?

โดย วนิษา เรซ

ชีวิตเป็นของประหลาดและน่ากลัวพอสมควรนะคะ เมื่อนึกถึงว่า ต่อให้เราดูแลชีวิตดีแค่ไหน พยายามใช้สมองและสติปัญญาเพียงใด แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะโลกนี้มีตัวแปรมากมายที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของเรา



หลายเรื่องเหนือความคาดหมาย เช่น เราอาจขับรถมาดีๆ แล้วโดนรถอีกคันขับมาชน ทำงานอยู่ดีๆ บริษัทก็ขาดทุน และเราโดนเลย์ออฟ โดนแฟนบอกเลิก แต่งงานไปแล้วต้องมาหย่าร้าง ไปตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบว่าเราเป็นโรค หรือคนที่รักต้องตายจากไป...รู้ไหมคะว่า ในภาวะฉุกเฉินของชีวิตเหล่านี้ เกิดอะไรขึ้นในสมองของเราบ้าง



ความคิดของคนเรามีความเร็ว 3 ระดับ และหากเราเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องตามกาลเทศะ เหมาะควรแก่เหตุการณ์เฉพาะหน้า...เราก็สามารถใช้สมองของเราได้อย่างเต็มศักยภาพ และไม่มีวัน "ตกเป็นทาสความคิด" ของตัวเองแน่ๆ



ความเร็วที่หนึ่ง คือ "เร็วมาก"...เป็นการตัดสินใจในภาวะฉุกเฉิน อุบัติเหตุ เช่น รถคันหน้าเบรกกะทันหัน เราต้องเหยียบเบรกให้ทันก่อนชนท้ายเขา หรือถูกจี้ ปล้น ไฟไหม้ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกแฟนบอกเลิก...เหตุการณ์เหล่านี้ สมองส่วนคิดที่ประมวลผลช้ามากนั้น...คิดให้เราไม่ทันค่ะ ตัวเราจะถูกสั่งการโดยสมองส่วนอารมณ์ให้ "ทำอะไรสักอย่าง" ทันที เพื่อให้มีชีวิตรอดเร็วที่สุดดีที่สุด เช่น วิ่งหนี หรือกระโดดเข้าสู้กับโจร...แม้การตัดสินใจแบบที่หนึ่งจะเร็วมาก แต่จุดอ่อนคือ เร็วเกินไป จึงไม่ได้รวมเอาข้อมูลปลีกย่อยทั้งหมดมาใช้ เราจึงมักได้ยินเรื่อง สามีโมโหภรรยานึกว่าไปมีกิ๊ก แล้วพลั้งมือฆ่าภรรยาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้กระทั่งข่าวพ่อฆ่าลูกตาย เพราะโมโหเสียงร้องก็มีมาแล้ว...สมองเราคำนวณพลาดได้บ่อยๆ ค่ะ อย่าไว้ใจเขามากไปในภาวะฉุกเฉิน เพราะสมองของเราจะสั่งการรุนแรงมากและไม่เสถียรเลย



ความเร็วที่สอง คือ "เร็วปานกลาง" ...หนูดีขอเรียกว่า "สมองกระต่าย" คือคิดได้ปุ๊บปั๊บ รวดเร็ว...เราทุกคนถูกฝึกมาให้คิดแบบนี้ตั้งแต่สมัยอยู่ในโรงเรียนแล้วค่ะ คือ การคิดหาคำตอบ หาเหตุผล การคิดแบบนี้ สนใจมุ่งหาคำตอบ และมักคิดว่าคำตอบที่ดีที่สุดมีแค่คำตอบเดียว มองเห็นว่า "การคิด" และพลังงานสมองเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด จึงเน้นที่การ "คิด คิด คิด" เพื่อหาคำตอบให้ได้ และเห็นว่าการหาคำอธิบายมาให้ได้ เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการสังเกตอย่างละเอียดละออ...จุดอ่อนของการคิดแบบนี้คือ เราจะคิดมาก คิดเยอะ หยุดคิดไม่ได้ จนทำให้เกิดอาการสมองล้า นอนไม่หลับเพราะสมองวิ่งวน และมักตกอยู่ในภาวะ "วิ่งชนกำแพง" เวลาหาทางออกไม่ได้เวลาเจอปัญหาใหญ่ เพราะรอไม่เป็น ...คนที่เป็นแบบนี้น่าสงสารมาก หนูดีมักเรียกว่าเขา "ตกเป็นทาส" ความคิดของตัวเองค่ะ



ความเร็วที่สาม คือ "ช้ามาก" ...มีอีกชื่อว่า "สมองเต่า" ...นี่เป็นตาน้ำของปัญญาระดับสูง แต่คนทั่วไปไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสหรือนำมาใช้ ระบบการศึกษามองไม่เห็นค่าของความคิดแบบนี้ เพราะ "มันช้ามากกก" ค่ะ เมื่อไม่ใช้...เราเลยนึกว่าตัวเองไม่มี และพอสัมผัสเข้าโดยบังเอิญสักครั้งก็ตกอกตกใจ นึกว่ามีปาฏิหาริย์ ...ลองนึกถึงเวลาที่เรานั่งจิบกาแฟในร้านกาแฟ และปล่อยความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ สิคะ ไม่นึก ไม่คิด นั่งดูคนเดินผ่านไปมาอย่างเพลิดเพลิน ลืมตัวตนไปชั่วคราว...และแวบหนึ่งก็เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างมหัศจรรย์ หรือคำตอบของปัญหาที่เราวิ่งวนคิดแทบตายคิดไม่ออก...อยู่ดีๆ ก็ผุดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ...นี่ล่ะค่ะ มหัศจรรย์ปัญญาอย่างเต่า นักคิดยิ่งใหญ่ทำไมมีมากในยุคโบราณ ก็เพราะว่า เวลาในอดีตเป็นของถูก จึงทำให้คนมี "เวลาปล่อยอารมณ์" จนเกิดความคิดยิ่งใหญ่ดีๆ มากมาย ความคิดสร้างสรรค์ก็บันดาลมาจากความเร็วของความคิดแบบที่สามนี้เอง



และที่น่าทึ่งคือ หากเราเริ่มใช้ปัญญาอย่างเต่า...ทราบไหมคะว่า มันจะย้อนกลับมาช่วยเรา "คิด" และ "ตัดสินใจ" ได้ในภาวะฉุกเฉิน ที่เป็นเวลาแห่งความเป็นความตาย ถ้าตัดสินใจพลาดเราอาจไม่เหลืออะไรเลย...ดังนั้น การจัดเวลาให้เราได้นั่งปล่อยความคิด สบายๆ ไม่มุ่งหาคำตอบ แต่มองเห็นภาพรวมและตั้งคำถามกว้าง จึงเป็นเรื่องจำเป็น หากเราต้องการใช้สมองให้เต็มศักยภาพ



อ้างอิง
http://variety.thaiza.com/สมองเต่าสมองกระต่าย_1212_139684_1212_.html
------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องน่ารู้

ใครว่า "ปลา" ไร้สมอง?
ใครว่า "ปลา" มีสมองจิ๊ดเดียว เพียงแค่ไม่กี่วินาทีมันก็ลืมอะไรหมดแล้วแต่ที่จริงในการศึกษาหลายๆ ชิ้นพบว่า ปลามีความจำนวนหลายเดือน อย่างการศึกษาความทรงจำของ "ปลาทอง" ของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพลีมัธ ประเทศอังกฤษ ที่ประหลาดเมื่อทราบว่า ปลาทองมีการเรียนรู้และมีความทรงจำนาน 3 เดือน ทั้งยังฉลาดกว่า "ปลาเทราต์" ปลาทองของมหาวิทยาลัยพลีมัธ ได้รับการฝึกให้มาที่ยอเพื่อกินอาหาร โดยยอจะทอดตัวลงไปในน้ำทุก 1 ชั่วโมง เมื่อทำเช่นนี้บ่อยๆ ปลาทองจำได้ ว่าใกล้ถึงเวลาอาหารแล้ว มันก็จะว่ายน้ำมาใกล้ๆ ยอ

http://variety.thaiza.com/ใครว่า%20ปลา%20ไร้สมอง_1212_151971_1212_.html

...............................................................................................

.....เราเคยคิดไหมว่า “ความคิด” เร็วเท่าไหร่ มีคนพยายามจะวัดให้ได้ว่า ความคิดนั้นรวดเร็วเท่าไหร่ ซึ่งได้ตัวเลขมาย้อมใจว่าน่าจะ 300 มิลลิวินาที
เคยตั้งคำถามไหมว่า
ความคิดเราเร็วเท่าไหร่ อันนี้ไม่ใช่คิดเลขไว หรือ ตอบปัญหาได้เร็วนะครับ
ถามจริงๆ ว่า เราเคยคิดไหมว่า “
ความคิด” เร็วเท่าไหร่ มีคนพยายามจะวัดให้ได้ว่า ความคิดนั้นรวดเร็วเท่าไหร่ ซึ่งได้ตัวเลขมาย้อมใจว่าความคิดของคนเรานั้นน่าจะมีความเร็วประมาณ 300 มิลลิวินาที (University of Arizona. "Speed Of Thought' Guides Brain's Memory Consolidation. จากเว็บไซต์ ScienceDaily 16 พ.ย. 2550)



การคิดเร็วหรือคิดช้านั้นก็มีความสำคัญ แต่ว่ายังไม่สำคัญเท่ากับ
การที่รู้ว่าตัวตนเอง"กำลังคิดอะไรอยู่"
แล้วไม่ยอมให้ความคิดเหล่านั้นกลับมาทำร้ายตัวเราเอง
^_^_^
Art_Kriang
เกรียงไกร(อาท)

5 ความคิดเห็น:

  1. การคิดเร็วหรือคิดช้านั้นก็มีความสำคัญ แต่ว่ายังไม่สำคัญเท่ากับ
    การที่รู้ว่าตัวตนเอง"กำลังคิดอะไรอยู่"
    แล้วไม่ยอมให้ความคิดเหล่านั้นกลับมาทำร้ายตัวเราเอง

    ประโยคสั้น ๆ แต่ได้อะไรมากกว่าแค่ความเป็นประโยคธรรมดาเยอะเลย

    สนมวอน(เวอร์ชั่นโน ฟอแมท)

    ตอบลบ
  2. ได้อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกดีจังเลยครับ
    เกี่ยวกับความคิดของเรา โดยเฉพาะความคิดในความเร็วที่สาม คือ "ช้ามาก" ที่ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ และแวบหนึ่งก็เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างมหัศจรรย์ หรือคำตอบของปัญหาที่เราวิ่งวนคิดแทบตายคิดไม่ออก
    และก็รู้ตัวเองว่าตอนนี้ "กำลังคิดอะไรอยู่"
    ขอบคุณกับบทความดีๆครับ

    พงศธร(พง)

    ตอบลบ
  3. การที่คนเราติดกับ "ความคิด" มากเกินไป ... จมกับความคิด ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอยู่เนี่ย ... น่ากลัวกว่า การที่เราคิดเร็ว หรือคิดช้า นะจ้ะ

    ตอบลบ
  4. สุขหรือทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับความคิด

    แนะนำให้อ่านหนังสือ "เข็มทิศชีวิต"

    ดีมากๆ

    ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ตาม

    ก็ต้องคิดอย่างมีสติ

    อาทิตย์(หมี)

    ตอบลบ
  5. บางทีการที่คิดมากเกินไปหรือจริงจังเกินไปก็ทำให้คิดอะไรไม่ออก

    แต่พอปล่อยตัวไปตามสบายๆ ค่อยๆคิดกลับมี idea อะไรดีๆเข้ามาในหัวซะงั้น

    เคยเป็นกันไหมเอ่ย


    ณัฐพล(โอ๊ค)

    ตอบลบ