วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทุกวันกับชีวิต 2 ทางเลือก


เคยสังเกตกันไหมค่ะ ในแต่ละวัน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ชีวิตในวันนี้ของเราจะเป็นไปในทิศทางใด มี 2 ทางให้เลือกค่ะ คือ วันนี้ทำอะไรก็ดีไปหมด มีความสุข สนุกสนาน ร่าเริง อารมณ์ดี ไม่มีเรื่องกวนใจ สบายใจ ฯลฯ กับอีกแบบในทิศทางตรงกันข้าม วันนี้ทำอะไรก็ดูแย่ไปหมด อุปสรรคเยอะแยะ ทำงานติดขัด ไม่ได้ดั่งใจ เศร้าใจ ท้อแท้ ขาดกำลังใจ หงุดหงิด อารมณ์เสีย วิตกกังวล ฯลฯ แล้วเชื่อหรือไม่ค่ะ ชีวิต 2 ทางเลือกตามที่กล่าวมานี้ คนกำหนดความเป็นไปของชีวิตในแต่ละวัน ก็คือตัวเราเอง

ถ้าใครเคยได้มีโอกาสอ่านหนังสือ เรื่อง The secret ความลับที่คนประสบความสำเร็จในชีวิตเปิดเผยถึงความลับสำคัญที่ทำให้บุคคล เหล่านั้นก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางตามที่หวังไว้ ซึ่งความลับที่ว่านี้นั่นก็คือ การคิดเพื่อกำหนดชีวิตของตนเองนั่นเอง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพอย่างง่ายๆ เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยปวดหลังกันใช่ไหม ค่ะ ถ้าเราคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเราปวดหลัง เราก็จะปวดหลังอยู่แบบนี้ต่อไป แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนวิธีการคิดเสียใหม่ เช่น เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่ปวดหลังแล้ว จิตใจของเราทีแน่วแน่จะมีผลบังคับให้ร่างกายตอบสนองความต้องการของเราได้

ชีวิต 2 ทางเลือกของเราในแต่ละวันก็เช่นกันค่ะ เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาในแต่ละวัน ลองคิดว่าวันนี้เราจะทำอะไรเพื่อให้เรามีความสุข งานที่ค้างอยู่จะต้องทำอย่างไรดี วันนี้งานต้องเสร็จ วันนี้ต้องมีคนชมเรา เพียงแค่นี้เราก็รู้แล้วว่า ในวันนี้เราต้องทำอะไรบ้าง จิตใจที่เราสั่งผ่านการคิดในเชิงบวกจะส่งผลไปยังสมองและเก็บบันทึกสิ่งที่ เราอยากทำ อยากเป็น และมีอำนาจให้ร่างกายตอบสนองความต้องการตามที่เราคิด

ในทางตรงกันข้าม เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา แล้วลองคิดว่า วันนี้วุ่นวาย งานเยอะ ไม่อยากทำ หดหู่ หมดกำลังใจ ไม่อยากเจอหน้าผู้คน เจ้านายต้องเรียกไปต่อว่า จิตใจของเราก็สั่งผ่านความคิดในเชิงลบและส่งผลต่อไปยังสมอง เก็บบันทึกสิ่งที่เรากำหนดชีวิตของเราและมีอำนาจสั่งการให้ร่างกายตอบสนองไป ในรูปแบบที่เราคิด เช่น ไม่พูดกับคนอื่น หลบหน้าคนอื่น เหนื่อย หมดแรง ง่วง อยากนอน เป็นต้น

มีเรื่องเล่าจากอีเมลเรื่องหนึ่งค่ะ ได้อ่านแล้วเห็นว่าสอดคล้องกับเรื่องนี้พอดี พร้อมสามารถชี้ให้เห็นภาพและเข้าใจการกำหนดชีวิตของตนเองในแต่ละวัน เรื่องเล่านี้มีอยู่ว่า ที่ร้านขายพิซซ่าแห่งหนึ่ง มีผู้จัดการร้านเป็นคนที่อารมณ์ดี ขยันทำงาน ใส่ใจเพื่อนพนักงาน และลูกค้า เค้ามักจะเป็นคนที่ชอบพูดให้กำลังใจคนอื่นๆ เสมอเวลาที่เพื่อนๆ หรือคนใกล้ชิดมีปัญหา จนมีหลายคนสงสัยว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นคนที่มีลักษณะแบบผู้จัดการร้านพิซซ่า นี้ได้ คำตอบที่ได้จากผู้จัดการร้านท่านนี้คือ ในแต่ละวันเค้าเลือกว่าวันนี้จะอารมณ์ดี และทำให้คนอื่นมีความสุข

จนกระทั่งวันหนึ่งมีโจรมาปล้นร้านพิซซ่าแห่งนี้ และผู้จัดการร้านคนนี้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน ในขณะที่หน่วยกู้ชีพฉุกเฉินนำตัวเค้าไปยังโรงพยาบาล เค้าก็ยังคงยิ้มสู้กับความเจ็บปวด เพื่อให้คนที่อยู่รอบข้างลดความกังวลใจ และคิดอยู่ในใจว่า อีกไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของหมอที่จะช่วยชีวิตต่อไป โดนยิงแค่นี้สบายมาก เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์และพยาบาลระดมกันช่วยชีวิตเค้าเป็นการใหญ่ โดยพยาบาลได้สอบถามว่า คุณเคยแพ้ยา หรือแพ้อะไรไหม? สิ่งที่ผู้จัดการร้านพิซซ่าคนนี้ตอบออกไปได้ทลายสถานการณ์ความตึงเครียดใน ห้องฉุกเฉินได้อย่างน่าอัศจรรย์ นั่นก็คือ เค้าตอบว่า “ผมแพ้ลูกปืน หมอช่วยเอามันออกไปห่างๆ ตัวผมที” สร้างเสียงหัวเราะให้กับแพทย์และพยาบาลเป็นอย่างมาก

การผ่าตัดเพื่อเอาลูกปืนที่ฝังอยู่ในร่างของผู้จัดการร้านพิซซ่าเป็นไปด้วย ความยากลำบาก สติเริ่มเลื่อนลอย ลมหายใจเริ่มแผ่วเบา ชีพจรเต้นอ่อนแรง หัวใจเต้นช้าลง แต่สิ่งที่ผู้จัดการร้านคนนี้ยังคงคิดอยู่ก็คือ ตอนนี้เค้ามี 2 ทางให้เลือกอีกแล้ว คือ เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป หรือเลือกที่จะตายไปซะตอนนี้เลย เค้าคิดเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ จิตใจที่เข้มแข็งสามารถสั่งการให้ร่างกายตอบ สนองต่อการรักษาของแพทย์ได้ดีขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้น หัวใจมีอัตราการเต้นเพิ่มขึ้น และผู้จัดการร้านพิซซ่าก็กลับมีชีวิตรอดอีกครั้งราวกับปราฏิหารย์มีจริง เพราะคนที่กำหนดความเป็นไปของชีวิตคือตัวเราเอง

ได้อ่านเรื่องนี้แล้ว หวังว่าในแต่ละวันเราทุกคนจะกำหนดทิศทางในการดำเนินชีวิตไปในทางที่ดี เพื่อให้ที่เราจะได้พบได้เจอแต่สิ่งดีดีตามที่เราเป็นคนกำหนดเองค่ะ แล้ววันนี้คุณเลือกที่จะกำหนดชีวิตของตนเองอย่างไร?

credit: http://catadmin.cattelecom.com/
จิราพร(จูน)

11 ความคิดเห็น:

  1. ท่องเอาไว้ว่าคิดเชิงบวก คิดเชิงบวก

    แล้วเราจะมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต

    พรรณราย (แมม)

    ตอบลบ
  2. อ่านแล้ว บางครั้งเราก็รู้สึกสะท้อนตัวเราเหมือนกันนะ

    บางสิ่ง บางอย่าง ถ้าเราหัดที่จะมองโลกในแง่ดี

    คิดแต่เรื่องดีๆ ไม่คิดอคติ

    มันก็อาจทำให้ชีวิตเรามีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา

    ตอบลบ
  3. โทษที ลืมบอกชื่อ

    นิติรัตน์ (นิ)

    ตอบลบ
  4. เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต

    รู้สึกแย่ที่ตัดสินใจเลือกทางเดินที่ผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง

    เรื่องบางเรื่องยังส่งผลที่ไม่ดีมาถึงปัจจุบันอีกด้วย

    เศร้าใจ

    อาทิตย์(หมี)

    ตอบลบ
  5. จริงๆแล้วความรู้สึกนึกคิดของเรามันก็เกิดมาจากจิตใจของเรานี่เอง

    เราเองที่เป็นฝ่ายที่จะเลือกว่าจะรู้สึกยังไงมากกว่า

    ได้อ่านแล้ว รู้สึกดีจัง เพราะถ้าเวลามีเรื่องอะไร ตัวเราเองต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเลือกที่จะเครียด หรือปล่อยวาง....

    ตอบลบ
  6. ลืมชื่อ อิอิ
    ปวีณา (ปุ๋ย)

    ตอบลบ
  7. บางทีก้อรู้สึกว่าอยากย้อนเวลาไปแก้ไขอดีต
    ที่เราทำพลาดไว้
    แต่ในเมื่อทำไม่ได้
    ปัจจุบันและอนาคตก้อต้องทำให้ดีที่สุด

    ตอบลบ
  8. จิงๆเลยบทความนี้วันไหนไม่อยากทำงาน ขี้เกียจ มันก้จะง่วงอยากนอน ไม่อยากทำงาน 55+
    ถ้าวันไหนเราคิดที่จะทำ มันก็จะทำงานได้เสร็จตามที่เราตั้งใจไว้เลย

    พงศธร(พง)

    ตอบลบ
  9. ลองไปอ่านนะคะ ที่ครูเคยโพสต์เรื่องของ การไม่จมอยู่กับอดีต การไม่หวาดกลัวกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ... มีความสำคัญมากในการที่เราจะต้องมีสติและเป็นปัจจุบันมากที่สุด ...

    ทำทุกขณะจิต ทุกวินาทีในปัจจุบันอย่างเต็มที่และดีที่สุด นะคะ

    ด้วยสติและสันติ

    อาจารย์จงดี

    ตอบลบ
  10. เพิ่งได้มาอ่านนนนนน

    แกมาโพสต์ไว้ตอนไหนอ่ะข๊ะ จุนคุง

    เพิ่งได้ฟังเรื่อง คล้าย ๆ กับที่จุนคุง โพสต์ ไว้เหมือนกันจากอาจารย์ท่านนึง

    ใช่เลยแหละ ที่ว่า "คนที่กำหนดความเป็นไปของชีวิตคือตัวเราเอง"

    งดงามข่ะ

    สนมวอน (เวอร์ชั่น โน ฟอแมท)

    ตอบลบ
  11. คิดในทางบวกมีชัยไปกว่าครึ่งจริง ทำอะไรก็แล้วแต่มองโลกในแง่ดีไว้
    ดูอย่างผู้จัดการพิซซ่าสิ เก่งมากสำหรับการอยู่รอดของเขาที่สามารถพิชิตความเจ็บปวดด้วยการไม่กลัว แค่เพียงแต่ยิ้มให้กับความเจ็บปวดแทนการเสียใจ
    กนกวรรณ (นิว)

    ตอบลบ