วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

เรื่องราวจากชีวิตจริง ....

มีนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลคนหนึ่งเขียนอีเมล์มาบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของตัวเอง ... เลยหยิบมาเล่าสู่กันฟังคะ ....

ถึง อาจารย์...... ที่เคารพ

เหลือบไปเจอบทความของบอสและดริวในเมลล์ ขอเล่าเรื่องให้อาจารย์ฟังซักนิดละกันนะครับ ผมก็เคยคุยกับบอสหลายครั้งเหมือนกัน เรื่องคณะวิทยาศาสตร์ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในคณะนี้ท่ามกลางเสียงต่อต้านจากทุกทิศทุกทางรอบกาย เสียงต้านเหล่านั้นอาจจะไม่มากมายขนาดนี้ ถ้าก่อนหน้านั้นผมไม่ได้เผอิญไปสอบติดในคณะที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น คณะที่พ่อแม่ของหลายคนใฝ่ฝันอยากให้ลูกได้เรียน คณะที่ไม่มีใครคิดว่าผมจะสละสิทธิ์ คณะแพทยศาสตร์

ช่วงนั้นผมนึกถึงคำพูดของ Henry Ford ผู้ก่อตั้งบริษัท ฟอร์ดมอเตอร์ที่ว่า "When everything seems to be going against you, remember that the airplane takes off against the wind, not with it" มันใช้ได้ดีเลยทีเดียว

ผมก็เป็นแค่คนที่มีความฝัน อยากที่จะเลือกเดินตามเส้นทางของความฝัน และอยากที่จะทำความฝันนั้นให้เป็นความจริงฝันของผมอาจจะต่างจากของคนอื่น ผมแค่คิดว่าผมจะเรียนในสิ่งที่ผมอยากจะเรียน อยากจะรู้ และอยากจะเป็นพูดง่ายๆคือ ผมก็แค่ทำตามใจตัวเองเท่านั้น

แต่การที่ทำตามใจตัวเอง แล้วมันทำให้ตัวเองมีความสุข และสร้างประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ และโลกได้ มันก็คุ้มสำหรับการดึงดันที่จะทำตามใจตัวเองมิใช่หรือ

ผมบอกกับใครต่อใครว่า ผมสามารถเป็นแพทย์ได้ แต่ถ้าผมมีอย่างอื่นที่ผมมีความสุขที่่จะเป็น และเป็นได้ดีกว่า มันก็ไม่น่าเป็นเรื่องแปลกที่ผมจะเลือกอย่างนี้

สังคมไทยยังยึดติดกับค่านิยมทางอาชีพมาก การที่ยังมีค่านิยมแบบนี้ก็คงเป็นส่วนหนึ่งที่ประเทศชาติยังไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพเสียที

มีเพื่อนผมจำนวนไม่น้อยที่สนใจในวิทยาศาสตร์ ส่วนหนึ่งไม่สามารถหลุดออกจากแรงต้านของค่านิยมได้ อีกส่วนหนึ่งกลัวที่จะเดินเข้ามาในทางสายนี้ สายอาชีพที่เขามองว่ายังเลือนลางเหลือเกินสำหรับสังคมไทย
แต่ผมกลับคิดว่า ถ้าไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปจุดไฟส่องทาง ทางเส้นนั้นก็จะเลือนลางมืดมิด ไม่มีวันได้สว่างเสียทีและนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการให้เป็นกับเส้นทางสายวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย

ผมเข้ามาด้วยความมีอุดมการณ์อย่างแรงกล้า แรกๆยังหวั่นว่า เราจะเป็นคนเดียวที่คิดแบบนี้อย่างที่เขาว่าไว้หรือเปล่า เราเลือกมาถูกแล้วแน่หรือแต่การที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของคณะวิทยาศาสตร์ ทำให้ได้รู้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่คิดเหมือนกับผมเป็นสังคมที่ท้าทายทางความคิด หลากหลายมุมมอง ได้เจอกับเพื่อนๆ รุ่นพี่ และอาจารย์ที่ต่างก็มีแนวคิดที่น่าทึ่ง (โดยเฉพาะอาจารย์สอนชีววิทยาคนล่าสุด จริงๆนะครับ) ทำให้ได้ลองนึกไปว่า หากตอนนี้ผมไปอยู่ในคณะแพทย์ จะมีโอกาสได้เจอบรรยากาศแบบนี้ไหมทำให้ผมมั่นใจ กับทางที่อยู่ข้างหน้า ที่ก็มีคนจุดไฟนำทางไว้แล้วไม่น้อยเหมือนกัน แต่ผมก็หวังว่าตัวเองจะเป็นดวงไฟที่สว่างอีกดวงหนึ่ง

ผมพยายามชักชวนให้รุ่นน้องที่รู้จัก มาเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ลบค่านิยมเก่าๆออกไป แล้วก็ดีใจที่มีรุ่นน้องอยากเป็นอย่างผม แม้จะไม่มาก แต่มันก็ทำให้เห็นว่าสิ่งที่พยายามทำอยู่ประสบความสำเร็จอยู่เหมือนกัน
แต่การที่มีเพื่อนๆในคณะ หลายคน ลาออกจากเส้นทางสายวิทยาศาสตร์อย่างถาวร ก็ทำให้จิตใจหดหู่ลงไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขามองคณะวิทย์อย่างที่ผมมองหรือเปล่า หรือผมคิดว่าเขาควรจะได้เรียนกับอาจารย์เร็วกว่านี้ (หลายคนที่ออกไปยังไม่เคยเรียนกับอาจารย์เลย)

อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ... เล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

อาจารย์จงดี

6 ความคิดเห็น:

  1. ใครๆก็บอกว่าเรียนวิทยาศาสตร์

    ในสังคมไทยยังหางานได้ยากกว่าวิศวะ

    ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงคิดกันอย่างนั้น

    ในเมื่อวิทยาเป็นจุดเริ่มของวิศวะด้วยซ้ำไป

    วิศวะคือวิทยาประยุกต์ใช่ไหมครับ

    ที่ผมเข้าใจถูกหรือไม่

    ผมมีเพื่อนที่เรียนอยู่คณะวิทยาศาตร์

    ผมเองเรียนเกษตร

    ผมไม่เหงเขาจะมีความเตือนเนื้อร้อนใจว่าเรียนผิดคณะเลย

    แต่กลับมีความสุขกับที่เขาเลือก

    ทั้งที่ความฝันเขาจริงๆคือ ทันตแพทย์

    เขากลับบอกผมว่า

    การเลือกเรียนตอนนี้ของเขา

    ไม่ได้ทำให้เขาเสียใจที่เลือก

    แต่กลับดีใจที่เลือก

    ได้เจอเพื่อนดีๆ

    อาจารย์ที่น่ารักและเคารพทุกคน

    เขาบอกว่าไม่เคยคิดว่าคิดผิดที่เรียนคณะวิทยาเลยจริงๆ

    ตอบลบ
  2. ดีใจจังที่ประเทศเราจะมีนักวิทยาศาสตร์ที่ตั้งใจอยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์จริงๆ

    ค่านิยมเหล่านี้มันมีมานานมาก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันนานขนาดไหน

    แต่บางเรื่องเราก็ไม่ได้เห็นด้วย...

    ได้แต่บอกตัวเองว่า เมื่อเราได้ไปยืนในจุดๆหนึ่งแล้ว

    เราจะไม่ยอมให้ค่านิยมแบบนี้มาจำกัดเราหรือความคิดของเราในการมองคนอื่นๆ

    ก็ได้แต่บอกว่า อยากให้มั่นคงในจุดที่เรายืน ในเมื่อเรามั่นใจแล้ว

    คงจะไม่จำเป็นว่าคนอื่นเค้าจะมองเราว่ายังไง

    มันอาจจะเป็นการต่อสู้เพื่อที่จะพิสูจน์จุดยืนของเรา

    แต่ถ้ามั่นใจมันก็คุ้ม ไม่ใช่หรือที่เราจะพิสูจน์ออกมา

    พรรณราย (แมม)
    คนที่อยากจะพิสูจน์จุดยืนของตัวเองเหมือนกัน

    ตอบลบ
  3. เป็นคนที่น่ายกย่องมากเลยครับ และไม่ยึดติดกับค่านิยม

    และผมก้ขอให้เขาคนนี้เป็นแสงสว่างให้กับนักวิทยาศาสตร์ไทยเรานะครับ

    พงศธร(พง)

    ตอบลบ
  4. บางทีคนเราก็มีเหตุผลบางประการที่จะต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง
    ที่เราต้องเลือก ทางหนึ่งคือสิ่งที่เราชอบ
    อีกสิ่งคือสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่อนาคตอาจจะดีกว่า
    ฉะนั้น ในบางโอกาสก็ตอบยาก แต่ก็ยกย่องนักศึกษาคนดังกล่าวมากๆครับ

    วรุตม์(เน)

    ตอบลบ
  5. เหตุผล+ความชอบส่วนตัว

    ห้ามกันไม่ได้เลยทีเดียว

    ความั่นใจที่จะทำอะไรสักอย่างที่ไม่ทำตามกระแส

    มันไม่ยากเกินความสามารถของคนเราจริงๆเลยนะเนี่ย

    เราขอยกย่องกับนักศึกษาคนนี้จริงๆ

    นับถือ นับถือ

    ตอบลบ
  6. สู้ต่อไป

    โลกนี้ต้องการนักวิทยาศาสตร์ เช่นนี้

    ตอบลบ