ต้นกำเนิด Latte Art
Latte Art เกิดขึ้นครั้งแรกที่อิตาลี ต้นกำเนิดวัฒนธรรมการทานกาแฟนั่นเองด้วยความที่อิตาลีเป็นเมืองแห่งศิลปะ ชั้นครู Barista ของที่นี่ จะเป็นผู้ที่มีวัยวุฒิและมีประสบการณ์โชกโชนแล้ว เมื่อเราไปบาร์ของที่นั่น จะไม่ค่อยพบวัยรุ่นทำงานชงกาแฟสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เองคนอิตาเลียนจึงเป็นคนที่มีศิลปะอยู่ในหัวใจ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรเป็นศิลปะไปหมด ทำให้บาริสต้า เกิดความคิดในการสร้างลวดลายบนเครื่องดื่มของเค้า จากการเทฟองนมลงในกาแฟที่ทำอยู่ทุกวัน เพื่อสร้าความประทับใจให้แก่ลูกค้า จากนั้น "ลาเต้ อาร์ต" (Latte Art) ก็เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ไปทั่วยุโรป อเมริกา และไทยเราด้วย
การทำลาเต้อาร์ท มีด้วยกัน 3 แบบ
- แบบ Free Pour หรือการเทอิสระ เทคนิค ลาเต้อาร์ทแบบนี้ต้องอาศัยความชำนาญ ของบาริสต้าอย่างมากทั้งความนิ่งของมือ สมาธิ การจับจังหวะ โดยการเทนมลงในถ้วยกาแฟที่มี เอสเพรสโซ ชอต อยู่ในถ้วย ด้วยลักษณะของการส่ายข้อมืออย่างเป็นจังหวะ จนเกิดเป็นลวดลายต่างๆ
Rosetta หรือลายใบไม้
Rosetta หรือลายใบไม้
ลวดลายที่เกิดการจาก Free pour จะมีหลักๆด้วยกัน 2 ลายที่เป็นที่นิยม
1. Rosetta หรือลายใบไม้
2. Heart ลายหัวใจ
1. Rosetta หรือลายใบไม้
2. Heart ลายหัวใจ
- เทคนิกการลาก การดเขี่ย การวาด สร้างลาย หยอด เป็นเทคนิคที่ง่าย ใครๆก็สามารถทำได้
ไม่ต้องอาศัยเทคนิคมากๆ ต้องอาศัยขวดซอส ไม่ว่าจะเป็นชอกโกแลต หรือคาราเมล
อีกทั้งอุปกรณ์การลาก ได้แก่ แท่งคอกเทล หรือไม้จิ้มฟันก็ได้ แบบ Drag หรือการลาก
การลาก ‘ลาเต้ อาร์ต’ (Latte Art) สามารถสร้างลวดลายได้หลากหลายมาก ตามแต่จินตนาการ
- แบบผสม คือ ผสมเทคนิคทั้งการ เท และ ลากเข้าด้วยกันเป็นการสร้างลายที่ยากขึ้น การทำประเภทนี้ต้องอาศัยเทคนิค และความเร็ว ต้องทำแข่งกับเวลา ที่กาแฟจะเย็นก่อนเสริฟถึงมือลูกค้า
"ลาเต้ อาร์ต" ศิลปะที่คุณดื่มได้ !! ........................................................................................
ในเมืองไทยจะหาร้านที่มีลาเต้อาร์ทสวยๆ ค่อนข้างยาก เพราะร้านกาแฟชื่อดังต่างๆ จะต้องทำงานแข่งกับเวลาและแถวของลูกค้า ทำให้บาริสต้าไม่ได้ถูกเทรนด์ให้มาทำ "ลาเต้ อาร์ต" ในแต่ละถ้วย เพราะมันเสียเวลาในการทำมาก และมีโอก่าผิดพลาดง่ายถ้าไม่ชำนาญ แต่บางร้านก็ทำเสริฟลูกค้า เช่น ร้านแบล๊คแคนยอน หรือ ร้านกาแฟอินดี้ ทั้งหลาย
การทำ"ลาเต้ อาร์ต"นับ ว่าเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของวงการกาแฟ เคยมีเรื่องเล่าน่ารักๆเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับการขอแต่งงานในร้านกาแฟเมื่อเจ้าบ่าวมาขอร้องให้บาริสต้า ทำ"ลาเต้ อาร์ต" ลายหัวใจข้างในมีระฆังวิวาห์อยู่ เมื่อกาแฟถูกเสริฟ เจ้าบ่าวก็คุกเข่า ขอฝ่ายหญิงแต่งงาน ฝ่ายหญิงตอบรับด้วยการจิบกาแฟ แล้วตอบว่า ได้ค่ะ!! สร้างความปลาบปลื้มแก่บาริสต้าผู้ชงกาแฟแก้วนั้นมากๆ
นอกจากนี้บาริสต้าที่ดี จะสร้าง "ลาเต้ อาร์ต" ตามอารมณ์ของลูกค้า เช่น เห็นลูกค้าเข้ามาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อสอบถามดูก็พบว่าเธอเพิ่งออกจากงาน บาริสต้าจึงทำ "ลาเต้ อาร์ต" เป็นข้อความว่า สู้ๆ เป็นรูปชูสองนิ้ว ทำให้ลูกค้ามีกำลังใจ เป็นต้น
บาริสต้าที่ดีจะจดจำ ราละเอียดที่ลูกค้าชอบ แล้วทำลายให้ตรงกับความชอบนั้น เช่น ลูกค้าคนนี้ชอบเลี้ยงกระต่ายมาก มาทีไรก็จะทำลายกระต่ายให้ สร้างความประทับใจแก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก
credit: http://www.me-dzine.com/showcase/latteart.html
คนทำงานหน้าคอมไปด้วย จิบกาแฟไปด้วย คงมีความสุขไม่น้อย
สวยเกินกว่าจะซด !!!!
ตอบลบสนมวอน เวอร์ชั่น นิว ฟอแมท
น่ากินจริงๆ ด้วย
ตอบลบ^^
มันสวยอ่ะ
ตอบลบเห็นแล้วไม่กล้ากิน
เสียดายๆ
พรรณราย (แมม)
ดื่มกาแฟอย่างมีดีไซน์
ตอบลบการดีไซน์ที่ดีสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้าได้
เพราะฉะนั้น
ถ้าเราดีไซน์ระบบดีๆก็จะสามารถที่จะทำให้ธุรกิจมีมูลค่าที่ดีได้
ไม่กล้าที่จาดื่มเรยทีเดียว
ตอบลบเสียดายยยยยยยย
อิอิ
พิมพ์ภัทรา (สายป่าน)
ผมว่าสวยดีนะ
ตอบลบเคยกินที่มีลวดลาย
เหมือนกัน
มันเป็นจุดขายอีก
อย่างหนึ่งของร้านกาแฟ
ไม่ต่างอะไรกับระบบเจ๋งๆ
จริงไหม
วรุตม์(เน)
เหนแร้วน่ากิงดี
ตอบลบแต่ว่า ถ้าเอาเข้าจริงๆ เจอลูกค้าเยอะๆก็คงจะสู้ไม่ไหวเหมือนกัน
เพราะต้องทำเวลา ให้ปริมาณกับความต้องการมันทันกัน
- -"
ตอนไปฝึกงานที่ Oracle ก็ได้ไปเล่นเครื่องชงกาแฟที่ห้องแพนที้เหมือนกัน วันสุดท้ายก่อนฝึกงานจบ เมทที่นั่นก็สอนชงลาเต้แร้วก้ตีฟองนม
หนุกมากกกก เพลินนนเลยย
สุดท้ายฝึกงาน ได้ทักษะการชงลาเต้ขั้นเทพ ฮ่าๆๆ
สุภาวดี(ฝ้าย)
สวยดีๆ เพิ่มความน่ากินเลย
ตอบลบพงศธร(พง)
สวยจนไม่อยากกิน
ตอบลบเสียดาย แต่มันก็
ทำให้น่ากินดี
ณัฐพล(ท๊อป)